“กิตติศักดิ์ ปรกติ” ปิดทาง สมช.ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อประกาศใหม่ หวังปลดล็อกคำสั่งศาลแพ่ง ชี้เป็นความไม่เข้าใจกฎหมายอย่างยิ่ง เพราะการยกเลิกต้องทำต่อเมื่อสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นสุดลง การประกาศใหม่จึงเป็นการกระทำโดยมิชอบ พร้อมตอบคำถาม “เหลิม” สามารถจับกุมแกนนำ กปปส.ตามหมายจับได้ ศาลไม่ได้ห้าม ซัดจงใจแสดงความไร้ความสามารถของพนักงานคนสำคัญของรัฐ กลายเป็นคนทำลายความมั่นคงของประเทศเสียเอง
วานนี้ (21 ก.พ.) นายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Kittisak Prokati" ใจความว่า ...
ขำไม่ออก - ที่มีข่าวว่าหากมีสถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น สมช.จะพิจารณาเสนอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้เงื่อนไขที่ศาลกำหนดห้ามไว้สิ้นผล แล้วประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใหม่ จะได้ใช้อำนาจฉุกเฉินได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ข่าวนี้สะท้อนให้เห็นความไม่เข้าใจกฎหมาย อำนาจบังคับการตามกฎหมาย และไม่เข้าใจความผูกพันตามคำสั่งศาลแพ่งในหมู่เจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ของรัฐถึงขั้นน่าเชื่อว่าขาดคุณสมบัติอันพึงมีเฉพาะตำแหน่งหน้าที่ทีเดียว เพราะตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น การประกาศยกเลิกย่อมมีได้ต่อเมื่อรัฐบาลเห็นว่าสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นสุดลงแล้ว (มาตรา ๕) เมื่อสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นสุดลง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นใหม่จึงเป็นการกระทำโดยมิชอบในตัวเอง
นี่ก็ขำไม่ออก - คำถามของ ดร.เฉลิม ในฐานะผู้อำนวยการ ศรส.ข้อที่หนึ่ง อ่านดูก็รู้ว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ ท่านสงสัยว่าเมื่อศาลห้ามสลายการชุมนุม แล้วเจ้าหน้าที่ยังจะจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้หรือไม่ - ก็ศาลเขาห้ามสลายการชุมนุม คือไม่ให้ใช้กำลังทำให้การชุมนุมสิ้นสุดลง แต่ไม่ได้ห้ามจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับ หรือผู้กระทำความผิดซึ่งหน้านะครับท่าน
ถามแบบนี้อาจทำให้ท่านเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยหรือต้องหาได้ว่า จงใจเสนอข่าวหรือทำให้แพร่หลายซึ่งข้อความซึ่งส่อแสดงถึงความไร้ความสามารถของเจ้าพนักงานสำคัญของรัฐ อันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว ขาดความมั่นใจต่อความมีประสิทธิภาพของเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม หรืออาจเข้าข่ายเป็นการแสดงข้อความโดยเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน คือขาดความมั่นใจต่อเจตนารักษากฎหมายของ ศรส.จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ อันจะเป็นความผิดตามข้อกำหนดที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้เมื่อ ๒๓ ม.ค. ๕๗ ข้อ ๒ เสียเองนะครับ
