ผบ.พล.1 รอ.เยี่ยมทหารเฝ้า ถ.พระสุเมรุ ยันเน้นดูแลความปลอดภัย ระบุเมื่อวานทหารทำดีที่สุดแล้ว ช่วยเหลือไม่แบ่งแยก ปัดสั่งยิงตำรวจ ประณามพวกปล่อยข่าวขัดแย้ง พร้อมเพิ่มเจ้าหน้าที่ดูแล ขณะที่รอง ผบ.ทบ.ลงใต้
วันนี้ (19 ก.พ.) พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1รอ.) ตรวจเยี่ยมกำลังพลของกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 พัน.2 รอ.) ที่ได้เข้าปฏิบัติงานบริเวณถนนพระสุเมรุตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุการณ์การปะทะกันที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ
พล.ต.วราห์กล่าวว่า ทหารยังคงยึดมั่นการช่วยเหลือดูแลความปลอดภัยประชาชน ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมระบุ ว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ทหารทำหน้าที่ดีสุดแล้วในการช่วยเหลือประชาชน ประสานโรงพยาบาล มูลนิธิต่างๆ พร้อมช่วยเหลือ ทั้งผู้ชุมนุมและตำรวจ โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นฝ่ายใด ทั้งยังปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด ยืนยันว่าไม่เคยสั่งการให้ทหารยิงตำรวจตามที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย พร้อมประณามการกระทำที่ทำให้ข้าราชการขัดแย้งกัน ทั้งนี้ ได้คุยกับ พล.ต.ต.วิชาญ บริรักษ์กุล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 แล้วหลังเกิดเหตุ โดยทหารได้เพิ่มชุดปฏิบัติการมวลชนเป็น 29 จุด, จุดตรวจเพื่อความมั่นคง 30 จุด โดยทหารทุกนายปฏิบัติหน้าที่ โดยปราศจากอาวุธ ซึ่งใน 1 ชุดปฎิบัติการช่วยเหลือประชาชน จะประกอบด้วย ทหารประชาสัมพันธ์, ทหารเสนารักษ์, สารวัตรทหารและช่างภาพ ประจำจุด 24 ชั่วโมง พร้อมดูแลและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง และเมื่อเกิดเหตุสามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้ทันทีเพื่อลำเลียงผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
ขณะที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรอง ผอ.ศปก.กปต. ได้เดินทาลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อร่วมประชุมและรับฟังสถานการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ที่หน่วยเฉพาะกิจ จ.ปัตตานี นอกจากนี้จะไปติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างศูนย์ฝึกทางยุทธวิธีใน อ.นาทวี จ.สงขลา
โดย พล.อ.อุดมเดชระบุว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้ไปติดตามการทำงานและแก้ไขปัญหาภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันพัฒนาดีขึ้นตามลำดับเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งทาง ผบ.ทบ.มีความเป็นห่วงทั้งสถานการณ์ภาคใต้และสถานการณ์ในกรุงเทพฯ จึงมอบหมายให้ลงพื้นที่แทน ทั้งนี้จะไปติดตามการแก้ปัญหาแบบบูรณาการ 7 ส่วนงานตามที่ กปต.ได้วางแนวทางไว้ โดยนับว่าคืบหน้าไปบ้างพอสมควร พร้อมทั้งจะไปเร่งรัดคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อทำความเข้าใจประชาชน โดยเน้นงานด้านกิจการพลเรือน ซึ่งที่ผ่านมา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าก็ส่งชุดทำงานลงไปทำความเข้าใจประชาชน โดยยืนยันเจ้าหน้าที่รัฐทำงานจริงจังในการแก้ปัญหา นอกจากนี้จะไปรับทราบปัญหาและการทำงานต่างๆ ในพื้นที่เพิ่มเติม โดยเฉพาะการดูแลพระสงฆ์ ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนการทำงานของทหารในบางพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับช่วงเวลาที่พระสงฆ์ออกบิณฑบาตในพื้นที่
ด้าน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. กล่าวถึงกรณีทหารพรานถูกกล่าวหาในคดียิงประชาชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานีก่อนหน้านี้ว่าอยู่ในชั้นตอนการสอบสวน และยังไม่มีการตั้งข้อหา โดยเพียงแค่มีการนำอาวุธในคลังไปตรวจสอบเท่านั้น ส่วนสถานการณ์ชุมนุมในกรุงเทพฯ ขณะนี้ยืนยันว่า กอ.รมน.ได้ติดตามสถานการณ์ และกำชับเจ้าหน้าที่และข้าราชการของ กอ.รมน.ในการวางตัวและดำเนินการตามกรอบหน้าที่ พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยเกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์