4 คนร้ายขับซีวิค-จยย.นำวัตถุต้องสงสัยติดล้อรถ “อมร อมรรัตนานนท์” พิธีกรเวที คปท.ขณะไปรับประทานอาหาร ใกล้สะพานผ่านฟ้า กลางดึก โชคดีเด็กรับรถเห็นเหตุการณ์ แจ้งตรวจสอบก่อน ตำรวจนางเลิ้งทำพิลึก รีบเก็บของกลาง จนโดนทักท้วง จึงให้อีโอดี.มาเก็บขึ้นรถเฉย อ้างต้องเอาไปตรวจสอบที่สำนักงาน คาดเป็นระเบิดจริงใช้รีโมตหรือมือถือจุดชนวนหวังเอาชีวิต หรือข่มขู่ให้หยุดเคลื่อนไหว
นายอมร อมรรัตนานนท์ พิธีกรสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และพิธีกรเวทีการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก Amorn On Tour ว่า “เมื่อเวลา 01.20 น.ได้รับแจ้งพนักงานรับรถ ร้านอาหาร นิวออลีน บนถนนพระสุเมรุ ว่ามีวัตถุต้องสงสัย ติดในบังโคลน ล้อหลังขวา บนรถส่วนตัวผม งานนี้แจ้งความตำรวจตอนตีหนึ่งกว่า และหน่วย eod.เก็บหลักฐานไป ตอนตีสี่ ตำรวจทำงานช้ามากๆ กว่าจะจัดการเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับคดีความ เพิ่งได้กลับบ้านตอน 6.30 น.รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในใบให้การ งานนี้เล่นกันถึงชีวิต หรือเพียงข่มขู่ อีกไม่นานคงรู้กัน แต่ที่แน่ๆ มันไม่อาจหยุดให้ผมเคลื่อนไหว ล้มระบอบทักษิณ ได้อย่างแน่นอน....”
ต่อมา นายอมร เปิดเผยผ่านรายการ “ยามเช้าริมเจ้าพระยา” ทางเอเอสทีวี เมื่อเช้าวันนี้ (18 ธ.ค.) ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณตีหนึ่งเศษ หลังจากที่ตนและทีมการ์ดของ คปท.ได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านนิวออลีน ถนนพระสุเมรุ ทางออกสะพานผ่านฟ้า และกำลังจะกลับ เด็กรับรถได้มาบอกว่าติดอะไรที่บังโคลนล้อหลังรถด้านขวาหลังหรือไม่ ตนบอกว่าไม่ได้ติดอะไร จึงให้น้องทีมการ์ดไปดู ก็เห็นว่ามีวัตถุต้องสงสัยเป็นกล่องพลาสติกสีดำติดอยู่ที่ล้อรถ จึงให้ นายนัสเซอร์ ยีมา หัวหน้าการ์ดโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ สน.นางเลิ้ง หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงตำรวจก็มา แต่เป็นตำรวจชั้นผู้น้อยจึงไม่กล้าทำอะไร จนกระทั่งไปเรียกสารวัตรสืบสวนสอบสวนมา
เมื่อมาถึงตำรวจที่เป็นสารวัตรสืบฯ ก็ดึงเอาวัตถุชิ้นนั้นออกจากล้อรถใส่ถุงพลาสติก หลังจากมองๆ อยู่แป๊บเดียวก็ดึงออกมาเลย ตนจึงเข้าไปถามว่าไม่กลัวหรือ เขาบอกว่า เคยอยู่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาก่อน หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าตำรวจจะรีบนำวัตถุต้องสงสัยกลับไปที่ สน.นางเลิ้ง คล้ายกับว่าพยายามทำเรื่องให้จบๆ ตนจึงบอกตำรวจว่า ทำอย่างนั้นไม่ได้ ต้องให้หน่วยตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี.มาพิสูจน์ทราบก่อน ตำรวจจึงนำวัตถุต้องสงสัยวางไว้ที่ลานจอดรถ และรอให้อีโอดี.มาตรวจสอบ จนเวลาประมาณตีสี่ เจ้าหน้าที่อีโอดี.จึงมาถึง และมาถึงก็เข้าไปส่องใกล้ๆ แล้วเก็บขึ้นรถปิกอัพไปเลย ทั้งที่ตามปกติ การตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดต้องเอายางรถยนต์มากันพื้นที่แล้วฉีดน้ำหรือยิงกระสุนยางเข้าไปทำลาย ตนสงสัยจึงเข้าไปสอบถาม เจ้าหน้าที่ก็อ้างว่า เป็นเวลากลางคืนไม่สามารถตรวจสอบที่นี่ได้ ต้องเอาไปตรวจที่สำนักงาน
นายอมร กล่าวต่อว่า วัตถุต้องสงสัยดังกล่าวจะเป็นระเบิดจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่การข่มขู่ยังมีข้อสงสัยอยู่ แต่ข้อเท็จจริงที่ทราบภายหลังที่เด็กรับรถมาบอกว่า ตอนแรกไม่กล้าบอกความจริงทั้งหมด เพราะคนที่เอาวัตถุต้องสงสัยมาวางยังไม่ออกไป จนกระทั่งพวกตนออกมาจากร้าน เอาไฟฉายมาส่องดูที่ล้อรถ และไม่ได้ขับรถออกไป พวกนั้นถึงขับรถไป
โดยชายกลุ่มนี้มากัน 4 คน มากับรถฮอนด้า ซีวิค สีทอง ทะเบียน กง 4440 สุราษฎร์ธานี จำนวน 2 คน และขี่จักรยานยนต์มาอีก 2 คน ทั้งหมดมาตอนใกล้เที่ยงคืน เมื่อมาถึงทั้งสี่คนก็เดินข้ามฝั่งมาที่ลานจอดรถร้านอาหาร มาหาคนรับรถแล้วถามว่าที่นี่เป็นโรงแรมหรือเปล่า ทั้งที่รู้ว่าเป็นร้านอาหาร แต่ก็ถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วชวนคุยว่ามีโรงแรมที่ไหนบ้าง แต่ในขณะเดียวก็มีชายอีกหนึ่งคน ปลีกตัวไปตรงซอกที่รถของนายอมรจอดอยู่ หลังจากนั้นไม่นาน ชายกลุ่มนี้ก็ข้ามไปกินข้าวต้มที่ร้านตรงข้ามจนกระทั่งตีหนึ่งกว่าๆ และเห็นว่านายอมรไม่ได้ขึ้นรถ ทั้งสี่คนจึงขับรถออกไป
นายอมร กล่าวต่อว่า ถ้ามองในมุมนี้น่าจะเป็นระเบิดจริง แต่เป็นระเบิดที่ใช้รีโมตหรือโทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิด จึงต้องนั่งรอว่าถ้าตนขึ้นรถเมื่อไหร่ค่อยสั่งงานให้ระเบิด ซึ่งถ้าเป็นระเบิดจริงเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หรือไม่ เหมือนว่าแผนแตกแล้ว จึงรีบเก็บของกลางออกไป เบื้องต้นจะเก็บไปเลย แต่พอตนยืนยันว่าเอาอีโอดี.มาพิสูจน์ จึงเอาอีโอดี.มา แต่ก็ไม่ยอมพิสูจน์ในพื้นที่ เอาไปพิสูจน์ที่สำนักงาน ซึ่งตนก็ถามว่าการพิสูจน์ที่สำนักงานมีการบันทึกวิดีโอหรือไม่ ก็บอกไม่มี มีแค่การยืนยันทางเอกสาร ซึ่งจะส่งไปที่ สน.นางเลิ้ง ซึ่งหลังจากอีโอดี.กลับไปแล้ว ตนได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.นางเลิ้ง เป็นหลักฐาน
นายอมร กล่าวอีกว่า อาจเป็นไปได้ว่า เมื่อพิสูจน์ออกมาแล้ว เป็นแค่กล่องใส่ถ่านไฟฉายหรือไม่ ก็ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นของจริง ก็หมายถึงการปองร้ายชีวิต แต่ถ้าไม่ใช่ของจริงก็เป็นการข่มขู่ เพื่อให้หยุดการเคลื่อนไหวทั้งในแง่ตัวบุคคลและทั้งขบวรการ แต่ยืนยันว่าตนไม่หวาดหวั่น จะสู้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณต่อไป
นายอมร กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มีการสอบถามเด็กร้านข้าวต้มที่ชายสี่คนนั้นไปรับประทานอาหาร แต่เด็กบอกว่าจำหน้าไม่ได้ รู้แต่ว่ามากันสี่คน อย่างไรก็ตาม ฝั่งตรงข้ามร้านข้าวต้ม มีกล้องวงจรปิดของธนาคารทหารไทย สาขาถนนพระสุเมรุ ซึ่งชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์บอกว่าสามารถมองเห็นบริเวณร้านข้าวต้มชัดเจน ตนจึงได้ขอให้เจ้าหน้าที่ประสานกับธนาคารเพื่อขอดูภาพวงจรปิด ซึ่งน่าจะทำให้เห็นหน้าคนร้ายได้
นายอมร ยืนยันอีกว่า เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว เพราะตนไม่มีศัตรูหรือมีข้อพิพาทกับใครในเรื่องอื่นที่จะถึงขั้นเอาชีวิต และก่อนหน้านี้มีพี่น้องตำรวจส่งข่าวมาว่ามีหลายคนจองกฐินตนอยู่ โดยเฉพาะตำรวจ เพราะบทบาทของตนได้เปิดโปงโจมตีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาโดยตลอด ที่ทำตัวเป็นขี้ข้าระบอบทักษิณ ทุกเวทีที่มีโอกาสก็จะพูดถึงสถาบันตำรวจที่หมดความน่าเชื่อถือ ไม่ทำหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่เป็นเครื่องมือค้ำบัลลังก์ระบอบทักษิณ
รถฮอนด้า ซีวิค สีทอง ต้องสงสัย (ภาพจาก FB น้านัส ชีพจรลงเท้า)
วัตถุไม่ทราบชนิดที่ถูกนำมาติดตรงซุ้มล้อรถนายอมร (ภาพจาก FB น้านัส ชีพจรลงเท้า)