“ยิ่งลักษณ์” นำรัฐมนตรีรักษาการประชุม ครม.เศรษฐกิจ รับทราบไตรมาส 4 ปี 56 อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจเหลือ 0.6% คาดปีหน้า ขยายตัว 3-4%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/ 2557 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระรวงพาณิชย์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายประเสร็ฐ บุญชัยสุข รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายวราเทพ รัตนากร รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงด้านเศรษฐกิจ สำนักงบประมาณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเข้าร่วม
ทั้งนี้ที่ประชุมรับทราบเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2556 ขยายตัวร้อยละ 0.6 โดยในภาพรวมยังถือว่าเศรษฐกิจไทยยังมีเสถียรภาพ จากอัตราการว่างงานที่ต่ำร้อยละ 0.7 และอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 1.7 โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว เช่น 1. การใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ลดลง 2. การลงทุนรวมทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่ลดลง และ 3 รายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2557 คาดว่าจะขยายตัว ร้อยละ 3.0-4.0 โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ เช่น 1. การท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง 2. ความล่าช้าในการลงทุนภาครัฐ เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ และ การพัฒนาโครงพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท 3. ความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และ 4. การส่งออกของประเทศ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับเป้าหมายการส่งออกในปี 2557 โดยคาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ ร้อยละ 5 ซึ่งจะต้องรักษาตลาดการส่งออกเดิมและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในคู่ค้าที่มีศักยภาพ เช่น จีน มาเลเซีย สิงค์โปร์ เป็นต้น
สำหรับการลงทุนจากต่างชาติ ที่อยู่ระหว่างขอส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ประมาณ 5 แสนล้านบาท นั้น BOI ได้ รับคำตอบจาก กกต.ว่า 1. การแต่งตั้งกรรมการ BOI สามารถดำเนินการได้ 2. สำหรับการพิจารณาอนุมัติโครงการเป็นการใช้อำนาจของคณะกรรมการ ตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องเสนอให้ กกต.เห็นชอบก่อน ทั้งนี้จะต้องไม่เข้าข่ายใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐ ที่มีผลต่อการเลือกตั้ง และต้องไม่มีผลผูกพันต่อ ครม.ชุดต่อไป