ผ่าประเด็นร้อน
ในที่สุดก็เป็นไปตามความคาดหมายว่าจะต้องมีรายการ “โกหก” หลอกต้มชาวนากันอีกรอบสำหรับการ “จ่ายหนี้” ชาวนา จากโครงการรับจำนำข้าว หลังจากที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรซื้อข้าวไปนาน 5-6 เดือนแล้วแต่เบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงินมาให้ ทำให้ชาวนาหลายแสนคนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จนถึงขั้นผูกคอตายไปแล้วนับสิบราย
แต่ล่าสุด รัฐบาลโดยรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็ใช้วิธีซิกแซกแบบใต้โต๊ะ อาศัยเครือข่ายระบอบทักษิณที่เป็นผู้บริหารในธนาคารของรัฐทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย จนอ้างว่าสามารถ “กู้เงิน” มาจ่ายให้ได้แล้ว โดยจะเริ่มจ่ายเงินตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป แต่ในความเป็นจริงกลายเป็นว่ามีการจ่ายจริงแต่จ่ายแบบกะปริดกะปรอยเป็นจำนวนเงินเล็กน้อยไม่กี่พันล้านหรือไม่น่าจะเกิน 5 พันล้านบาทที่มีการโอนเงินผ่านมายัง ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ ขณะที่ตัวเลขค้างจ่ายอีกนับแสนล้านบาท อีกนับหลายแสนรายที่ยังต้องรอ “เงินของตัวเอง” แบบไม่มีกำหนด และพวกที่ได้รับเงินก็ได้แต่จำนวนเงินที่ค้าง “ไม่รวมดอกเบี้ย” ที่เอาเงินไปจมไว้ตั้ง 5-6 เดือน
สรุปก็คือ งานนี้ชาวนา “ถูกหลอก” อีกรอบ นั่นคือรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ซื้อเวลา หลอกว่าจะจ่ายเงินให้ชาวนา เพื่อลวงไม่ให้ชุมนุมก่อหวอดประท้วงเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อทวงเงินและอาจสมทบกับกลุ่ม กปปส. ที่นำโดย กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เวลานี้ก็ทำให้ระบอบทักษิณแทบเป็นอัมพาตอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี เมื่อสรุปตัวเลขที่ปรากฏก็คือเงินที่ ธ.ก.ส.โอนไปให้ชาวนานั้นมีจำนวน 5 พันล้านบาท โดยมาจากการกู้จากธนาคารออมสินในระบบ “อินเตอร์แบงก์” หรือกู้ระหว่างธนาคาร ซึ่งตามปกติเป็นการปล่อยกู้เพื่อ “เสริมสภาพคล่อง” เท่านั้น แต่งานนี้กลายเป็นว่านำเงินไปใช้ผิดประเภท จนทำให้เกิดความเคลื่อนไหวกลายเป็น “กระแสแห่ถอนเงิน” จากธนาคารออมสิน เนื่องจากลูกค้าไม่มีความมั่นใจ
ขณะเดียวกัน จำนวนเงินเพียง 5 พันล้านบาท ถือว่าจำนวน “น้อยนิด” หากเทียบกับจำนวนหนี้ที่รัฐบาลค้างจ่ายชาวนาจำนวน 1.3 แสนล้านบาท หรือแม้แต่การเปิดประมูลโดยกระทรวงพาณิชย์ ที่นำโดย นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล บอกว่าได้เปิดประมูลข้ายข้าวให้กับพ่อค้าจำนวนกว่า 4 แสนตัน เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและกำลังจะเปิดประมูลอีกในปริมาณใกล้เคียงกัน คาดว่าได้เงินรวมกันแล้วก็แค่หลักหมื่นล้านบาท ยังห่างไกลกับจำนวนหนี้ที่ค้างชาวนา และชาวนากำลังรอรับเงินกันทุกลมหายใจเข้าออกอยู่ในตอนนี้ และที่สำคัญต้องใช้เวลาในการจ่ายเงินอีกระยะหนึ่งไม่ทันวันพรุ่งนี้แน่นอน
ดังนั้น ถ้าให้สรุปในตอนนี้ก็ต้องบอกว่า หากชาวนาคนไหนเชื่อคำโกหกหลอกลวงของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีรักษการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นิวัฒน์บุญทรง ธำรงไพศาล ว่าจะได้รับเงินในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ซึ่งก็ไม่ผิด มีการจ่ายจริง แต่จ่ายจำนวนน้อยมาก รวมกันแล้วทุกจังหวัดมีชาวนาได้รับเงินเพียงไม่กี่ร้อยรายเท่านั้น ขณะที่เงินคงค้างที่เหลือยังไม่รู้ว่าจะสามารถจ่ายได้เมื่อใด เนื่องจาก รักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังหลบหน้าชาวนา “ที่ไม่เชื่อคำโกหก” บุกมาทวงเงินถึงสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม อันเป็นสถานที่หลบซ่อนตัว โดยเรียกร้องให้ออกมาเผชิญหน้ากับ “เจ้าหนี้” แต่ก็ไม่กล้าออกมาพบหน้า ทำให้ทุกอย่างเริ่มมืดมนยิ่งกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ชาวนาจะเจอในอีกไม่กี่วันข้างหน้านอกเหนือจากการไม่รับเงินค่าข้าวแล้ว ยังต้องประสบกับปัญหาการลงทุนทำนารอบใหม่ เนื่องจากเวลานี้ถึงกำหนดการต้องเตรียมการกันแล้วสำหรับในพื้นที่นาปรัง แต่พวกเขา “หมดเนื้อประดาตัว” แล้ว อย่าว่าแต่เงินลงทุนเลย แค่ยังชีพไปวันๆ ยังลำบาก หนี้สินพะรุงพะรัง
น่าสังเกตก็คือ “บัตรเครดิตชาวนา” ที่รัฐบาลจัดมาคู่กับโครงการจำนำข้าวจนมีการโฆษณา มีบิลบอร์ดใหญ่โตโม้ว่า “เป็นยุคทองของชาวนาไทย” มีรูปของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ติดเอาไว้หรานั้นกลายเป็นว่าเวลานี้ “บัตรเต็มวงเงิน” เพราะมีการรูดไปใช้หมดแล้ว และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ของฟรี เป็นต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มเข้ามาอีก
ดังนั้น ถ้าพิจารณาจากสถานการณ์ความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าภายใต้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภายใต้ระบอบทักษิณ ที่ใช้นโยบายประชานิยมบังหน้าสำหรับการทุจริตกันมโหฬารอย่างจำนำข้าว กำลังสร้างความฉิบหายให้กับบ้านเมือง เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ตอนนี้ความเดือดร้อนกำลังเกิดขึ้นกับชาวนาที่ต้องโดนก่อนเต็มๆ แต่ในอีกไม่นานข้างหน้าจะเริ่มส่งผลกระทบออกไปเป็น “ลูกโซ่” อย่างที่เห็นตอนนี้วงจรธุรกิจขนาดเล็กในหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เรื่อยมาถึงระดับจังหวัดหยุดนิ่งมานานหลายเดือนแล้ว เอาง่ายๆ แค่ร้านส้มตำไก่ย่างในหมู่บ้านยังขายไม่ออก เพราะคนซื้อไม่มีเงิน และเชื่อว่าต่อไปนี้จะเกิดขึ้นในระดับประเทศจากการขาดทุนมหาศาลไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนล้านบาท และกำลังดันทุรังกู้กันแบบ “ซิกแซกใต้โต๊ะ” จนทำให้เกิดผลกระทบด้านความเชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินบางแห่งที่กำลังถูกลากเข้าไปผูกพันแบบ “ใช้เงินผิดประเภท” ซึ่งกรณีหลังขอภาวนาว่าอย่าให้เกิดขึ้นเลย
เพราะนั่นคือหายนะทั้งระบบ
นาทีนี้หาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ยังดันทุรังยื้อรักษาอำนาจเอาไว้อยู่ต่อไป ทั้งที่ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ก็ต้องบอกว่าอนาคตมืดมนอนธการจริงๆ พี่น้อง!!