รายงานการเมือง
สถานการณ์การเมืองขณะนี้ดูท่ารัฐบาลจะเสียทีจากโครงการประชานิยมของตัวเอง ไม่ใช่จากแรงกระแทก “กำนันสุเทพ” เลขาธิการของ กปปส.เสียแล้ว
ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าการสรรหาคนที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนในเวทีสภาฯ อาจจะเป็นปัญหาที่ยังหาข้อยุติไม่ได้แต่ก็ต้องยอมรับว่าความร้อนแรงในประเด็นนี้ที่ทาง กปปส.พยายามหยิบยกมาเล่นว่าประเทศไทยจะไม่มีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน หากไม่มีการปฎิรูปเสียก่อนกลายเป็นเรื่องตกประเด็นไปเสียแล้ว
แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการ รวมไปถึงคณะรัฐมนตรีทุกคน ยังไม่หมดคราวเคราะห์ เพราะเมื่อ กปปส.ดูอ่อนแรงก็ดั้นมีชาวนามาอุ้ม กปปส.เอาไว้อีก
ทำเอาหัวหน้าทีมจากแดนไกล แทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผาก
วิกฤตโครงการรับจำนำข้าวครั้งนี้ก็ไม่รู้จะหันหน้าไปโยนความผิดให้ใครเพราะถือเป็นนโยบายชูโรง ตอนพรรคเพื่อไทยหาเสียงปี 54 แถมยังเป็นโครงการที่น่าภาคภูมิใจยิ่งเมื่อทำให้พรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งกว่า 300 เสียงจากนโยบายทักษิณคิดยิ่งลักษณ์ทำ ตอนนี้จึงต้องรับกรรมร่วมกันทั้งสองคน
กปปส.เห็นช่องโหว่ที่รัฐบาลรักษาการชุดนี้เปิดเอาไว้เลยต้องรีบหยิบมาตีกินทันที ถือว่า กปปส.ต้องยกมือขอบคุณชาวนาทั่วประเทศที่เป็นฮีโร่มากอบกู้กระแสที่กำลังตกต่ำของ กปปส.เอาไว้ได้
แถมยังเรียกความฟีเวอร์ในตัว “กำนันสุเทพ” กลับมาได้อีกครั้ง
กปปส.จึงได้ทีอธิบายเหตุผลที่รัฐบาลรักษาการยังไม่สามารถหาเงินมาจ่ายหนี้ชาวนากว่า 1.25 แสนล้านบาท เป็นเพราะความดื้อด้านของรัฐบาลที่ดึงอยู่ในรักษาการเพราะรัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจกู้เงินใดๆ และจะไม่มีสถาบันการเงินใดๆ ปล่อยกู้เนื่องจากเต็มไปด้วยความเสี่ยง อีกทั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็อาจจะเป็นโมฆะ
และมีความเสี่ยงจนอาจยืดเยื้อไปอีกมากกว่า 5-6 เดือน ชาวนาก็ต้องทนรับสภาพเป็นหนี้ต่อไป
วิกฤตที่ดาหน้าเข้ามาหารัฐบาลในขณะนี้ช่างเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคประชาธิปัตย์และ กปปส.อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะทุกปัญหาต่างถูก กปปส.นำไปเชื่อมโยงเพื่อให้เหตุผลกับสังคมว่า เหตุใดรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงต้องทิ้งเก้าอี้รักษาการ
เมื่อมีวิกฤตเกิดขึ้น ย่อมมีฮีโร่ตามมาเสมอ และฮีโร่คนใหม่ล่าสุดของชาวนาขณะนี้ก็เลยตกเป็นของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั่นเองที่หาเหตุสร้างความชอบธรรมในการเดินรับบริจาคเพื่อรวบรวมให้ชาวนาใช้ต่อสู้กับรัฐบาลได้แบบเนียนๆ เส้นทางบนถนนสีลมของนายสุเทพ สามารถหาเงินจำนวน 9,209,440 บาท และเมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) เดินสายย่านสุขุมวิทก็ได้มาอีกหลายล้าน
โดยกำนันสุเทพจะแบ่งเงินออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. แบ่งเป็นทุนสำหรับชาวนาใช้ในการต่อสู้คดีความ 2. แบ่งเป็นกองทุนสำหรับค่าเดินทางค่าอาหาร ของชาวนาที่ต้องการออกมาเคลื่อนไหว โดยจะมีการตั้งกรรมการในการบริหารจัดการความชอบธรรมด้วยแถมยังประกาศบนเวทีสีลมว่าจะเป็นโรบินฮู้ดปล้นคนรวยช่วยคนจนเสียอีก
ทำเอาชาวนาที่กำลังเข้าตาจน หลังพิงฝา ต้องยอมขึ้นเวที กปปส.หลายรายเพราะหวังจะได้รับการช่วยเหลืออย่างจริงจัง
ทำให้หลายฝ่าบมองว่า “ชาวนา” กำลังจะตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของ 2 ขั้วอำนาจใหญ่ที่กำลังแย่งชิงตำแหน่งผู้บริหารอยู่ในขณะนี้หรือไม่ เพราะทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทย กปปส.หรือพรรคประชาธิปัตย์ต่างเอาความทุกข์ยากของชาวนามาตีกิน และสาดน้ำลายใส่ฝั่งตรงข้ามว่ากำลังจับชาวนาเป็นตัวประกัน เพื่อสร้างภาพให้กับตัวเอง
“ชาวนา” ที่กำลังตกอยู่ในสภาวะเดือดร้อนแทบบ้ากันทั้งประเทศจึงไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนดี จะไปทางฟากรัฐบาลก็ดูจะมืดมน เพราะขนาดถือใบประทวนมาทวงหนี้ ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นชาวนาปลอม แต่จะให้หันไปทาง กปปส. ชาวนาก็คงอยากบอกว่า “ไม่ได้ต้องการเงินทุนมาก่อม็อบ แต่อยากได้เงินไปจ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยบานอยู่ในตอนนี้เสียมากกว่า”
สุดท้ายเหมือนว่านอกจากชาวนาจะตกเป็นหนี้แล้วยังจะต้องพ่วงตำแหน่งตัวประกันร่วมด้วยอีก
วิกฤตซ้อนวิกฤตในครั้งนี้ ถ้าทุกฝ่ายยังมองแต่เรื่องต่อสู้ แย่งชิงอำนาจกันอยู่แบบนี้ ชาวนาที่ถือเป็นกลุ่มคนที่มีบุญคุณปลูกข้าวให้พวกเรากินจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครเล็งเห็นถึงความทุกข์ยาก ความเดือดร้อน อย่างจริงจัง
โดยเฉพาะรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์น่าจะต้องตระหนักถึงบุญคุณของฐานเสียงระดับรากหญ้าเอาไว้ให้มาก ว่าพวกเขาเชื่อลมปากจากหน้าสวยๆ ของนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศไทย จึงตัดสินใจที่เลือกพรรคเพื่อไทยเลือกยิ่งลักษณ์แต่สุดท้ายกลับถูกหักหลังและทรยศ
“ระบอบทักษิณ” คงต้องมองไปถึงอนาคตเช่นกันเพราะดูท่าแล้ว จะสิ้นตำนานทักษิณก็เพราะสะดุดขาตัวเองตกเหว คงไม่ได้มีใครยื่นขาออกไปขวางเอาไว้เสียแล้วที่สุดแล้วนักโทษชายที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” จะได้รับความจริงเสียทีว่า
เงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความไว้วางใจ