กกต.แย้มถ้ารัฐบาลเห็นไม่ตรงคงต้องยื่นศาล รธน.เป็นทางออก โต้เพื่อไทยยันไม่ใช่นักการเมือง หนุนคู่ขัดแย้งเจรจาตั้งแต่วันนี้ พร้อมเป็นคนกลางอีกหน เผยประชาธิปัตย์เปิดทางแล้ว จี้รัฐให้ความสำคัญ เตือนเลือกตั้ง ส.ว.ซ้ำรอยเดิม พร้อมเรียก ปธ.กต.จว.แจงพรุ่งนี้ ด้าน “หม่อมวัลย์วิภา” ร้องความประพฤติไม่เที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลออกมาปฏิเสธข้อเสนอ กกต.ในการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ใน 28 เขต 8 จังหวัดที่ไม่มีผู้สมัคร ว่า อยากให้รัฐบาลรอจดหมายอย่างเป็นทางการก่อน เพราะรัฐบาลยังไม่เห็นเหตุผลและรายละเอียดที่ กกต.จะเสนอไป การออกมาพูดในขณะนี้อาจเร็วเกินไป หากเห็นไม่ตรงกันทางออกที่ดีที่สุดคือการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากวินิจฉัยออกมาอย่างไรจะทำให้ทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจ เช่น ระบุว่าออก พ.ร.ฎ.ได้รัฐบาลก็ดำเนินการได้ หรือถ้าให้ออกเป็นประกาศ กกต. ทาง กกต.ก็ต้องดำเนินการ
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า กกต.สร้างกลลวงให้รัฐบาลออก พ.ร.ฎ.เพื่อให้กระทำผิดกฎหมายนั้น นายสมชัยกล่าวยืนยันว่า กกต.ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง ไม่ใช่นักการเมือง สิ่งที่ กกต.ดำเนินการเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย การที่พรรคเพื่อไทยออกมาพูดคงร้อนรนเกินไป เพราะ กกต.ทำจดหมายถึงรัฐบาลไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ดังนั้น กกต.จะรอคำตอบจากฝ่ายรัฐบาล
นายสมชัยกล่าวอีกว่า ทางออกที่จะทำให้การเลือกตั้งเกิดความสำเร็จได้นั้น ฝ่ายการเมืองที่เป็นคู่ขัดแย้งต้องหันหน้ามาเจรจาพูดคุยกัน หากไม่ยอมมาเจรจาหาทางออกให้กับสังคมร่วมกัน ต่อให้มีการเลือกตั้งกี่ครั้งก็ไม่มีทางสำเร็จและได้ ส.ส.ครบ 95% โดยการเจรจาจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ยังไม่สายจนเกินไป หากทุกฝ่ายไม่มาพูดคุยกันเนื่องจากไม่มีคนกลาง ขอให้ส่งสัญญาณมา กกต.พร้อมเป็นคนกลางในการเจรจาอีกครั้ง โดยไม่กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับที่ กกต.เชิญทุกฝ่ายมาเจรจาเพราะขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งครั้งก่อนฝ่ายที่ทำให้การเจรจาไม่สำเร็จคือรัฐบาล ในครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมเจรจาแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่เปิดประตู ดังนั้นถ้ารัฐบาลมองว่าการเจรจาเป็นทางออกขอให้ส่งสัญญาณมา
“สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการเจรจา มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่ หลายคนบอกว่าอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้จะไม่ได้เป็นปัญหาการเมืองอีกแล้ว แต่จะเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ถ้าหากรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดปัญหานี้ก็ต้องให้มีการเจรจา” นายสมชัยกล่าว
นายสมชัยกล่าวต่อว่า ในขณะที่ กกต.ดำเนินการจัดการปัญหาการเลือกตั้ง กระบวนการแก้ไขความขัดแย้งต้องเดินหน้า ระหว่างรัฐบาลและผู้ชุมนุม กปปส. ไม่ใช่ปล่อยให้เดินหน้าไปทั้งๆ ที่มีความขัดแย้งอยู่ ขอเตือนว่าหากความขัดแย้งเกิดการขยายตัวกระบวนการคัดค้านการเลือกตั้งขยายตัว เมื่อไปถึงการเลือกตั้ง ส.ว.จะนำไปสู่ทางตันมากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลและผู้ชุมนุมควรหันหน้ามาพูดคุยกันโดยเร็วที่สุด เพราะการเจรจาไม่ได้จบเพียงครั้งเดียว อยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงประเทศชาติ และควรเจรจาให้ได้ข้อยุติก่อนการเลือกตั้ง ส.ว.ในวันที่ 30 มี.ค.
นายสมชัยกล่าวอีกว่า ในวันอังคารที่ 11 ก.พ.จะเชิญ ประธาน กกต.จังหวัด และ กกต.จังหวัด 7 จังหวัดที่คาดว่าน่าจะมีความพร้อมจัดการเลือกตั้งได้มาพูดคุย ขณะเดียวกันจะเชิญอีก 11 จังหวัดทางภาคใต้มาหารือด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หากได้ข้อยุติว่าสามารถจัดการเลือกตั้งได้ กกต.ก็จะดำเนินการทันที อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นควรจะดำเนินการก่อนวันที่ 4 มี.ค.หรือหลังจากวันที่ 30 มี.ค.ไปแล้ว เนื่องจากช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่จัดการเลือกตั้ง ส.ว. ดังนั้นระหว่างวันที่ 4-30 มี.ค.แม้จะยังไม่เป็นมติของ กกต.คิดว่าคงไม่มีการจัดการลงคะแนน ส.ส.ในหน่วยที่มีปัญหาอย่างแน่นอน
มีรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโจน์ นักวิชาการภาคประชาชนได้มายื่นหนังสือแจ้งเหตุความประพฤติไม่สุจริตและเที่ยงธรรมต่อการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา แก่นายสมชัย โดยนายสมชัยบอกว่าจะให้ฝ่ายกฎหมายไปดำเนินการและอาจจะเรียก ม.ล.วัลย์วิภามาให้ปากคำภายหลัง