“สุริยะใส” เรียกร้อง กกต.กระชับอำนาจตัวเอง อย่าปล่อยรัฐบาลลักไก่แทรกแซงอำนาจให้ “เฉลิม-ธาริต” ข่มขู่ ทั้งที่ กกต.มีอำนาจเหนือรัฐบาลรักษาการช่วงมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง หวั่นตกเป็นเครื่องมือรัฐบาลโดยไม่รู้ตัว จี้เด้ง “ธาริต” สอบ “เฉลิม”
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และกรรมการ กปปส.กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤตเลือกตั้งที่ผ่านมา เพียงพอแล้วที่ กกต.ต้องตัดสินใจเด็ดขาด ใช้อำนาจตามกรอบกฎหมายที่ตัวเองมีมากขึ้น เพื่อไม่ให้วิฤติเลือกตั้งกลายเป็นลิงแก้แห ยิ่งดันทุรังเลือกตั้งยิ่งวุ่นวาย ไร้ทางออก ที่ผ่านมา กกต.โอนอ่อนผ่อนปนให้รัฐบาลรักษาการมากเกินไป ไม่ยืนหยัดข้อเท็จจริงและจุดยืน กกต.ต่อสถานการณ์ที่เห็นต่างจากรัฐบาล ทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาและจากนี้ไปจะเป็นวิกฤตแบบทับทวีคูณมากขึ้นซ้ำยังเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุอีก
ในขณะนี้รัฐบาลรักษาการกำลังขยายอำนาจโอบล้อม กกต.จนไปไม่เป็น เช่นสั่งใหั DSI ขู่ดำเนินคดี กกต. หรือการใช้ ศรส.กดดันการทำงาน กกต.สารพัดรูปแบบ หรือการใช้งบประมาณเป็นข้ออ้างในการสนับสนุนงาน กกต.ฯล
อย่างกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรรมการ ศรส.ออกมาข่มขู่ดำเนินคดีกับ กกต.นั้น ต้องถามว่า กกต.ยอมได้อย่างไร เพราะนายธาริตเป็นข้าราชการประจำไม่มีอำนาจมาคุกคาม กกต. และ กกต.มีอำนาจตามกฎหมายสั่งย้าย หรือพักงานในระหว่างมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งได้เลย หรือแม้แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการ ศรส. ที่กำลังใช้ความเป็น ผอ.ศรส.คุกคาม กกต. โดยเฉพาะการเตรียมดำเนินคดี กกต.เขตที่ปิดหน่วยเลือกตั้งนั้นก็ไม่มีอำนาจเพราะ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นรัฐมนตรีรักษาการ และยังเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยด้วย
กกต.ต้องร้องศาลรัฐธรรมนูญว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกในช่วงรัฐบาลรักษาการได้หรือไม่ ถ้าได้ขอบเขตอำนาจขนาดไหนที่ไม่เป็นการลักไก่แทรกแซงอำนาจ กกต.ในฐานะองค์กรอิสระ
“กกต.ต้องรู้เท่าทันอำนาจตัวเอง ต้องกล้าใช้อำนาจตามกฎหมาย กระชับอำนาจมากขึ้น ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นแพะแทนรัฐบาลรักษาการในที่สุด”
