xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งเลือด! ปลิดชีวิต “สุทิน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงานการเมือง

ารเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) ได้แสดงให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ รู้แล้วว่าหากยังดึงดั้นต่อไป เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 ก.พ. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งใหญ่ พร้อมกันทั่วประเทศจะเป็นอย่างไร

ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 33 เขตเลือกตั้ง และภาคใต้ 56 เขตเลือกตั้ง ต้องเลื่อนออกไปทั้งหมดนั้น น่าจะถือเป็นชัยชนะของ กปปส.และแนวร่วมทุกกลุ่ม ที่สามารถยับยั้งความฝันของตระกูลชินวัตรได้สำเร็จในขั้นแรก ท่ามกลางความวิตกกังวลของหลายฝ่ายว่าจะเกิดเหตุนองเลือดซ้ำรอยอดีต

สถานการณ์ช่วงเช้าถึงบ่าย ดูเหมือนว่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่แล้วเมื่อก่อนเวลาปิดหีบเลือกตั้งเพียงแค่ 1 ชั่วโมง สิ่งที่คนไทยกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อเกิดการลอบยิง สุทิน ธราทิน แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) จนเสียชีวิต โดยนายสุทินได้นำมวลชนเดินทางไปปิดล้อมบริเวณวัดศรีเอี่ยม หน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตบางนา ระหว่างที่เคลื่อนขบวนออกจากวัดศรีเอี่ยม มุ่งหน้าไปทางถนนศรีนครินทร์ โดยนายสุทินได้ปราศรัยอยู่บนรถบรรทุก 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียง ระหว่างนั้นได้พบกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากเคลื่อนขบวนมาจากถนนศรีนครินทร์ ลงสะพานข้ามแยกมาปิดบริเวณหัวมุมถนนทางเข้าซอยวัดศรีเอี่ยม

ก่อนที่ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นซึ่งมีเหล็กแป๊ป ไม้หน้าสามเป็นอาวุธ จะตรงเข้ามาทำร้ายมวลชน และยังมีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง บวกกับเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด จนกระทั่งเสียงปืนสงบลงจึงพบว่านายสุทินถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะ 1 นัด หน้าอกขวา 1 นัด และคอ 1 นัด จึงรีบนำตัวส่ง รพ.วิภาราม แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ รวมไปถึงยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

ความชุลมุนวุ่นวายกินเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสงบลง ภาพของเหตุการณ์ที่ปรากฏราวกลับฉากแอ็กชันดุเดือด ที่เกิดขึ้นในตอนหนึ่งของภาพยนตร์ ทั้งๆ ที่พื้นที่เกิดเหตุนั้นอยู่กลางถนนที่การจราจรติดขัดอย่างหนัก ซึ่งการก่อเหตุกราดยิงแบบอุกอาจครั้งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยซ้ำ

การใช้ความรุนแรงครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่เป้าหมายดูเหมือนเพียงแค่ต้องการสร้างความหวาดกลัวให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุยิงรายวัน บริเวณสะพานฆัมวานฯ หรือเหตุปาระเบิดในพื้นที่บรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ฯ แต่การลั่นไกครั้งนี้ น่าจะมีเป้าหมายไปที่แกนนำบนรถกระจายเสียงของ กปท.อย่างชัดเจน

ภายหลังที่เหตุการณ์สงบลง ได้มีคนตาไวเห็น พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ หรือ “สารวัตรต้น” ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางนา พรรคเพื่อไทย ปรากฏตัวในจุดเกิดเหตุ ทำให้เกิดกระแสข่าวตามมาว่า พ.ต.ท.กุลธนเป็นคนอยู่เบื้องหลังการนำคนเสื้อแดงไปปะทะจนเกิดเหตุรุนแรงดังกล่าว

ข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น ทำให้ พ.ต.ท.กุลธนต้องรีบออกมาแจงความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแน่นอน แต่เมื่อทราบข่าวก็แค่ออกไปดูสถานที่เกิดเหตุเท่านั้น

คำกล่าวอ้างของ พ.ต.ท.กุลธน ดูเหมือนว่ายังไม่สามารถทำให้ตัวเองหลุดพ้นข้อกล่าวหาได้ เพราะประชาชนในจุดเกิดเหตุยังยืนยันว่า พ.ต.ท.กุลธน คนนี้เป็นผู้นำมวลชนเสื้อแดงกว่า 100 คน บุกมาหน้าวัดศรีเอี่ยมแน่นอน ถ้าจะผิดตัว พ.ต.ท.กุลธนก็คงมีฝาแฝด

พ.ต.ท.กุลธนถือเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่เขตบางนาคนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นพรรคการเมืองระดับบิ๊กอย่างเพื่อไทย คงไม่ให้โอกาส พ.ต.ท.กุลธนได้ลงชิงตำแหน่งในครั้งนี้ และหากจะย้อนไปถึงช่วงเดือนธันวาคมของปี 55 แล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้การเมืองไทยร้อนระอุในช่วงสั้นๆ ก็คือ

การปรากฏตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ออกทีวีของรัฐช่อง 11 ในการจัดแข่งขันมวยไทยวอริเออร์ส ปีที่ 2 เทิดไท้องค์ราชัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา โดยอ้างว่าเป็นการถวายพระพร แต่สถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ นักโทษหนีคดี หลายๆ คนจึงถามหาความถูกต้องต่อการปรากฏตัวครั้งนั้น และ พ.ต.ท.กุลธน ผู้นี้อีกเช่นกัน ที่ในขณะนั้นคือ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยไทยดังกล่าว

แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.กุลธนจะต้องมีสายสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างแน่นอน จนทำให้ได้มีชื่อเป็น ส.ส.ของพรรค อย่างเหนือความคาดหมาย ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท.กุลธนเพิ่งจะเข้ามาสังฆกรรมกับพรรคได้ไม่นาน

เรื่องราวในอดีตพร้อมกับปรากฏตัวของ พ.ต.ท.กุลธนในวันนี้ ทำให้ชื่อของเขาถูกนำไปเชื่อมโยงกับการลอบสังหารนายสุทินอย่างไม่ต้องสงสัย แม้เจ้าตัวจะยืนยันพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ก็ตาม

ด้านกลุ่ม กปปส.จึงปักใจเชื่อ 100% ว่า กระแสข่าวว่าคนแดนไกลมีคำสั่งให้คนที่อยู่ทางนี้เริ่มดำเนินการสังหารแกนนำทีละราย โดยนายสุทิน คือ เหยื่อรายแรกนั่นเอง

สุดท้ายไม่ว่าใครจะเป็นผู้ลั่นกระสุนปลิดชีพของนายสุทิน จนกลายเป็นเหยื่อทางการเมืองคนล่าสุด และแม้ว่ามวลมหาประชาชนจะมีพิธีอาลัยต่อวีรชนผู้เสียสละชีวิตเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดี หรือด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ชื่อของนายสุทินจะถูกหยิบยกขึ้นมาอยู่ในวงสนทนาและถูกใช้เป็นเครื่องมือในการร้องหาความรับผิดชอบของผู้ถืออำนาจรัฐสักระยะหนึ่ง จากนั้นก็จะเลือนหายไปในความทรงจำ เหมือนวีรชนคนอื่นๆ เฉกเช่นทุกครั้งที่เกิดความรุนแรง โดยบุคคลผู้สังหารจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับคำกล่าวอ้างว่า “มือที่ 3” เป็นผู้ก่อเหตุ

ชื่อของ สุทิน อาจจะไม่ได้ดูโดดเด่น เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ นิติธร ล้ำเหลือ หรือ อุทัย ยอดมณี แต่ถ้าย้อนกลับไปดูภูมิหลังของเขาแล้ว คงไม่แปลกใจที่เขาตกเป็นเป้าสังหารในวันนี้ ในอดีตนายสุทิน เคยเป็นเอ็นจีโอ ที่ทำงานในองค์กรสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (LDI) ซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตเลขาธิการสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ โดยนายสุทินเป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งพรรค และยังดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการพรรค เคยเคลื่อนไหวเป็นผู้ปฏิบัติงานในช่วงการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ร่วมกับนายทศพล แก้วทิมา แกนนำ อพส.อีกคนหนึ่ง

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 56 นายสุทินได้ร่วมแถลงข่าวก่อตั้ง กปท. ก่อนที่อดีตนายทหารจะร่วมเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ราชตฤณมัยสมาคม และนัดชุมนุมใหญ่ที่สวนลุมพินีอยู่ระยะหนึ่ง และนายสุทินก็ยังเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยให้กับ กปท.เมื่อเข้าร่วมกับ กปปส. ในปัจจุบันด้วย ทำให้เห็นว่านายสุทินคนนี้คืออีกบุคคลหนึ่งที่มีตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับครอบครัวชินวัตรมายาวนาน

การเสียชีวิตของนายสุทินในเหตุการณ์ครั้งนี้ อาจจะเป็นการนับหนึ่งของความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยอีกครั้ง เหตุการณ์ในอดีตที่มีเลือดของคนไทยด้วยกันไหลนองทั่วแผ่นดินเกิด เหมือนเช่นปี 2553 อาจจะกลับมาสร้างความสูญเสียอีกครั้ง โดยที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์กำลังจะตกเป็นเหยื่อของการแย่งชิงอำนาจภายในประเทศคนแล้วคนเล่า

...โดยที่ไม่มีใครพยายามที่จะหยุดยั้งมันสักคนเดียว!
กำลังโหลดความคิดเห็น