“ชวนนท์” เผยยื่นหนังสือฟ้องทั่วโลกพรุ่งนี้ สรุปเหตุรุนแรงทำร้ายฝ่ายตรงข้ามรัฐ มีโกงยับทำคนไทยลุกฮือ และใช้อำนาจบิดเบือนเพื่อตัวเอง ด้าน “องอาจ” จวก “ยิ่งลักษณ์” ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ สับตำรวจไม่รีบเข้าระงับเหตุวุ่น เตือนรัฐเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ยิ่งทำประชาชนเคียดแค้น
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.) พรรคจะส่งจดหมายไปยังองค์กรระหว่างประเทศ องค์กรสิทธิมนุษยชนระดับโลก สื่อมวลชนต่างประเทศ สถานทูตทุกแห่งในไทย โดยได้สรุปเรียบเรียงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. เริ่มจากเวทีผ่าความจริงที่ถูกมวลชนคนเสื้อแดงคุกคามสมาชิกพรรคและการจัดกิจกรรมโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐคอยอำนวยความสะดวก กระทั่งมาถึงการยิงการ์ด คปท. การเสียชีวิตของนายวสุ สุฉันทบุตร, นายยุทธนา อย่างองอาจ และการปาระเบิดที่บรรทัดทองจนนายประคอง ชูจันทร์ เสียชีวิต เพื่อแสดงให้เป็นความจริงว่ารัฐบาลข่มขู่คุกคามฝ่ายเห็นต่างมาโดยตลอดไม่ใช่อดทนอดกลั้นเหมือนที่สร้างภาพกับสื่อต่างประเทศ
2. ชี้ให้เห็นถึงกระบวนการทุจริตคอร์รัปชัน เช่น โครงการทุจริตจำนำข้าวที่ ป.ป.ช.ชี้มูลในรัฐบาลยิ่งลักษณ์จนเป็นสาเหตุให้ประเทศไทยตกอันดับความโปร่งใสอย่างต่อเนื่องจนคนไทยลุกฮือขึ้นต่อต้าน และ 3. ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ใช้อำนาจจากประชาชนบิดเบือน ออกกฎหมายล้างผิด แก้รัฐธรรมนูญขัดต่อกระบวนการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย คุกคามองค์กรอิสระ ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐบาลกลายเป็นโมฆะในสายตาประชาชนจนคนไทยจำนวนมากปฏิเสธรัฐบาลยิ่งลักษณ์และต้องการที่จะปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการชุมนุมของ กปปส.ว่าสถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้น มีการก่อกวนรอบพื้นที่การชุมนุมทั้งการโยนระเบิดปิงปอง ใช้แก๊งค์อันธพาลก่อกวน ลอบยิง ลอบฆ่าการ์ด ลอบทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม จนกระทั่งมีการลอบยิง ปาระเบิดบ้านพักแกนนำ กปปส.และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะการปาระเบิดที่บรรทัดทองจนมีผู่้บาดเจ็บจำนวนมาก เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งรวมเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วมีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 3 คน ทั้งที่รัฐบาลพูดตลอดว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม แต่กลับปล่อยให้ผู้ชุมนุมถูกกระทำด้วยความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต นายกฯ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ โดยรัฐบาลมีหน้าที่คุ้มครองผู้ชุมนุมภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่ชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้แล้วว่าเป็นการชุมนุมภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ นายกฯ จึงมีหน้าที่คุ้มครองผู้ชุมนุมตามกฎหมาย ไม่ให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ สูญเสียชีวิตจากการก่อเหตุรุนแรง ซึ่งพบว่าตลอดเวลาที่เกิดความรุนแรงกับผู้ชุมนุมไม่ปรากฏว่ามีการระงับเหตุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างทันท่วงที หรือมีการเตรียมการป้องกันเหตุแต่อย่างใด นายกฯ จึงไม่ควรทำตัวปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการตายของประชาชนแต่พูดแค่ว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงเท่านั้น
นายองอาจกล่าวว่า นอกจากนี้ ศอ.รส. โดยเฉพาะนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ยังได้ออกมากล่าวหาผู้ชุมนุมจัดฉากให้เกิดความรุนแรงเพื่อเรียกร้องความสนใจ ทั้งที่ยังไม่มีการสืบสวนสอบสวนหาคนผิดมาลงโทษ หากรัฐบาลมีความจริงใจดูแลความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐสามารถดูแลให้การชุมนุมอย่างสันติของประชาชนเกิดขึ้นได้ ยกเว้นว่ารัฐบาลประสงค์ให้เกิดความรุนแรงเพื่อให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมลดลง ทำให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่ใส่ใจดูแลประชาชน อย่างไรก็ตาม นับจากนี้เป็นต้นไปหากยังมีความรุนแรงเกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมโดยที่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ก็คงไม่สามารถกล่าวโทษประชาชนได้ ถ้าประชาชนจะคิดว่ารัฐบาลรู้เห็นเป็นใจให้ความรุนแรงเกิดกับผู้ชุมนุม ซึ่งหากความรู้สึกของประชาชนเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับรัฐบาลกำลังสะสมความเคียดแค้นชิงชังให้กับผู้ชุมนุมที่ถูกกระทำ อันจะทำให้สถานการณ์บานปลายนำไปสู่ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น