กกต.โยน ผอ.กกต.เขต 8 จว.ภาคใต้ ตัดสินใจย้ายที่รับสมัคร ส.ส.เขตหรือไม่ เหตุอำนาจตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ กกต.แต่เป็นดุลยพินิจของ ผอ.กกต.เขตจะพิจารณา กกต.จึงไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย กกต.มีเพียงแค่ให้คำแนะนำเท่านั้น ยันนโยบายใช้ที่พลเรือน วิตกใช้ที่ ตร.-ทหาร เพิ่มดีกรีรุนแรง “สมชัย” วอนรัฐบาลสร้างบรรยากาศที่ดีกับ กกต.ขณะที่ “เลขาฯ กกต.” ทำหนังสือถึง ผอ.กกต.เขต เลือกตั้งและจนท.ที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ยึดหลัก 3 แนวทาง
วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวภายงานว่า ภายหลังจากนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ และคณะได้เข้าหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 3 คนประกอบด้วย นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง และนายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม เป็นเวลากว่า 1 ชม. ต่อจากนั้น กกต.ทั้ง 3 คน ได้หารือกันต่อ โดยมีนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.เข้าร่วมด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเสนอให้ใช้ที่ทหารและตำรวจในการรับสมัคร ส.ส.แบบเบ่งเขตเลือกตั้งว่า อำนาจตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ กกต. เพราะเป็นดุลพินิจของ ผอ.กกต.เขตจะพิจารณา ดังนั้น กกต.จึงไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย กกต.มีเพียงแค่ให้คำแนะนำเท่านั้น
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า แม้ทางตัวแทนรัฐบาลจะเสนอให้ใช้พื้นที่ของทหารและตำรวจแต่ กกต.คิดว่าคงจะไม่เอา แต่เนื่องจาก กกต.ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะใช้สถานที่ดังกล่าวหรือไม่ เพราะเป็นอำนาจของ ผอ.กกต.เขตจะตัดสินใจ แต่นโยบายคือให้ใช้สถานที่พลเรือนเป็นหลัก ทั้งนี้เพราะแค่มีข่าวว่าจะย้ายไปใช้สถานที่ ตชด. 41 0. ชุมพร ยังมีมวลชนปิดล้อมแล้ว
“เราเห็นห่วงว่าหากมีการใช้สถานที่ตำรวจหรือทหารจะเกิดการปะทะกันเกิดขึ้น เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวมีอาวุธ อีกทั้งในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารอาจจะแยกไม่ออกระหว่างการอำนวยความสะดวกในการเลือกตั้ง กับการปกป้องสถานที่ หากตัดสินใจไปใช้พื้นที่ดังกล่าว คิดว่าจะเพิ่มดีกรีความรุนแรงของสถานการณ์มากยิ่งขึ้น” นายศุภชัยกล่าว
นายสมชัยกล่าวด้วยว่า ในการพูดคุยวันนี้ กกต.ได้สอบถามด้วยว่า นอกจากที่ทหารและตำรวจแล้ว ไม่มีที่พลเรือนใน 8 จังหวัดให้ใช้ได้เลยหรือ ทางคณะที่มาในวันนี้ไม่สามารถให้คำตอบได้ ตนขอเรียนว่าแม้แต่ศาลกลางจังหวัดก็ยังไม่ยินยอมให้ใช้สถานที่ในการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเลย อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวันนี้ตนได้ฝากคณะที่มาว่า รัฐบาลควรสร้างบรรยากาศที่ดีกับ กกต.ด้วย โดยยกตัวอย่างการพูดให้สัมภาษณ์ของบางคนในสื่อที่ไม่ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี ซึ่งได้รับการขอโทษขอโพยด้วย
เลขาธิการ กกต.แถลงว่า ในการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นวันที่ 3 มีผู้สมัครรวมทั้งสิ้น 642 คน โดยในส่วนของ 15 จังหวัดภาคใต้นั้น 8 จังหวัดได้ปิดการรับสมัครในวันนี้ประกอบด้วย ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พัทลุง และสงขลา ส่วนภาคเหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก เหตุการณ์ปกติ ตอนนี้จึงมีปัญหาเพียง 8 จังหวัด 38 เขตจาก 375 เขตทั่วประเทศเท่านั้นที่มีปัญหาอยู่
ในส่วนของการลาออกของเจ้าหน้าที่นั้น ประกอบด้วย ประธาน กกต.จว.นครศรีธรรมราช กกต.เขต 1 จ.บึงกาฬ ลาออกเนื่องจากป่วย ผอ.กกต.เขต 1 จ.ระนอง ลาออก ผอ.กกต.และกกต.เขต 1-3 ลาออกเขตละ 1 คน เลขาธิการ กกต.กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ ที่ จ.กระบี่ กกต.จว. ผอ.กกต.เขต และ กกต.เขต กำลังประชุมร่วมกันประชมร่วมกับกลุ่มไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งและกลุ่มที่มากดดันให้เปิดรับสมัครอยู่ ส่วน จ.ชุมพรจะย้ายสถานที่รับสมัครไปที่กองกำกับการ ตชด. 41 แต่พอประกาศออกไป มวลชนก็ไปรอแล้ว เลยไม่ได้ย้าย
ส่วน จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่เข้าสถานที่รับสมัครไม่ได้ เพราะมวลชนนำกาวไปหยอดกุญแจ ส่วนที่ จ.พัทลุง นั้นมีการใช้พื้นที่จของโรงเรียนพัทลุงแต่ถูกปิดล้อมและตัดน้ำตัดไฟ ในขณณธที่ จ.นครศรีธรรมราช สำนักงาน กกต.ซึ่งตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ประชาชนก็เดือดร้อนเพราะเข้าออกหมู่บ้านไม่ได้ นายภุชงค์กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ผู้แทนรัฐบาลนำโดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ได้เดินทางมาขอพบ นายศุภชัย นายสมชัย และนายประวิช โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ไม่ได้มติอะไร เพราะขาดอีก 2 ท่านจึงเพียงหารือกันเท่านั้น
นายภุชงค์กล่าวต่อว่า วันนี้ได้ทำหนังสือถึง ผอ.กกต.เขต เลือกตั้งและเจ้าหน้าที่ที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ยึดหลัก 3 ข้อ คือ 1. พิจารณาใช้สถานที่หน่วยงานพลเรือนเป็นหลัก ขอให้หลีกเลี่ยงสถานที่เหล่าทัพรวมทั้งสถานที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง 2. กรณีไม่สามารถเข้าสถานที่รับสมัครได้ และประเมินว่าหากดำเนินการรับสมัครต่อไปอาจถึงแก่ชีวิต ก็ควรประกาศยุติการรับสมัครและไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและรายงานให้สำนักงาน กกต.ทราบโดยเร็ว 3. กรณีผู้สมัครไม่สามารถเดินทางไปยื่นใบสมัครได้ ก็ให้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานที่ตำรวจพร้อมส่งเอกสารให้ กกต.จว.ดำเนินการต่อไป หลักการ คือ กกต.ไม่อยากให้มีการกระทบกระทั่ง ใช้ความรุนแรง เหมือนที่อาคารกีฬาเวสน์ 2