โฆษก พท. อ้างข้อมูลจากผู้ชุมนุม กปปส. “สุเทพ” วางแผนปิดกรุงเทพฯ ล้มรัฐบาลให้เสร็จให้เสร็จใน 8 ม.ค. เพราะต้องไปขึ้นศาลคดีสลายม็อบแดง จี้ กกต.เอาผิดผู้ปิดล้อมผู้สมัคร ส.ส.เขต ดักคอ กกต.ลาออกมีเจตนาพิเศษ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย อ้างว่าได้รับทราบข้อมูลจากผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. ว่า แผนการปิดกรุงเทพฯ ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เพื่อล้มรัฐบาล จะดำเนินการให้ได้ก่อนวันที่ 8 ม.ค. เนื่องจากวันที่ 8 ม.ค. นายสุเทพ ต้องไปขึ้นศาลในคดีสลายการชุมนุมในปี 53 ดังนั้น นายสุเทพ จึงต้องทุ่มสุดตัว เพราะหากดำเนินการไม่สำเร็จ นอกจากจะมีคดีสลายการชุมนุมแล้ว นายสุเทพ และแกนนำ กปปส. จะถูกดำเนินคดีข้อหากบฏด้วย และการออกมาขู่ที่จะปิดกรุงเทพฯ นั้นถือเป็นภัยเกี่ยวกับความมั่นคง ดังนั้น เรียกร้องไปยัง ผบ.เหล่าทัพ ให้ออกมาส่งสัญญาณว่าการกระทำของ นายสุเทพ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ ระบุว่าเหตุการณ์ยิงการ์ด คปท. เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายสุเทพ สรุปเร็วเกินไป ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวอาจมีผู้ไม่หวังดีเข้าไปสร้างสถานการณ์ ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่ใช่ผีมือของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างแน่นอน เพราะไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล แล้วฝ่ายตรงข้ามก็นำไปขยายผลได้ทันที
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง แต่หลังจากนั้นก็ได้ขึ้นเวที กปปส. ว่า ในเรื่องดังกล่าวมีประชาชนร้องมายังตนว่า การกระทำของ นายไพบูลย์ น่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ เพราะใช้ตำแหน่งหน้าที่ ส.ว. ในการลงพื้นที่ แต่กลับไปขึ้นเวที กปปส. เหมือนได้เลือกข้างไปแล้ว การที่ นายไพบูลย์ ใช้ตำแหน่ง ส.ว. ไปหาประโยชน์ทางการเมืองจึงเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ควรลาออกเพื่อความสง่างาม ทั้งนี้ ตนจะรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อหาช่องทางยื่นถอดถอน นายไพบูลย์ เพราะคนที่มีหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ หากไม่เป็นกลางถือว่าเสียหาย จึงเรียกร้องให้ ส.ว. ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับ นายไพบูลย์
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงการรับสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า การรับสมัคร ส.ส.ทั้งประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเพียงภาคใต้บางจังหวัดเท่านั้นที่ผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. และผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านไปปิดล้อมสถานที่รับสมัคร และผู้ที่ไปปิดล้อมสถานที่รับสมัครเป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่คนใต้ทั้งหมด และแกนนำผู้ชุมนุมก็เป็นญาติของ ส.ส.ฝ่ายค้าน และหัวคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ในจังหวัดกระบี่ ก็ได้ไปแจ้งความเอาผิดต่อแกนนำผู้ชุมนุมที่ขัดขวางการเลือกตั้งแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ กกต. ไม่ควรปล่อยให้มีการขัดขวางการเลือกตั้ง โดยไม่ดำเนินการใดๆ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ประจำจังหวัด บางจังหวัดเตรียมลาออก เนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ว่า น่าจะมีเจตนาพิเศษที่จะทำให้การเลือกตั้งมีปัญหา ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ กปปส. ที่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง หากมีก็จะขัดขวางถึงที่สุด ทั้งนี้ การที่ กกต. จะลาออกนั้นสามารถทำได้ แต่ถ้าลาออกโดยที่มีเจตนาพิเศษเพื่อจงใจจะไม่ปฏิบัติหน้าที่นั้นถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ ซึ่งมีโทษถึงจำคุก
ส่วนที่อาจมี กกต.ใหญ่ลาออกหากสถานการณ์บานปลายนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เมื่อบ้านเมืองมีปัญหา กกต. มีหน้าที่ต้องช่วยหาทางออกให้แก่ประเทศ ไม่ใช้มาลาออกไป ทั้งนี้ หากเป็นการลาออกที่มีเจตนาพิเศษ นอกจากจะมีความผิดแล้ว อาจเป็นการเพิ่มปัญหาให้มากขึ้นด้วย หากเป็นเช่นนั้น กกต. ก็ต้องรับผิดชอบด้วย ดังนั้น กกต. จึงควรที่จะอยู่เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาก่อน การแสดงความคิดเห็นของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร เหมือนใช้ความรู้สึกของตัวเองมากกว่ากฎหมาย
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีนักวิชาการออกมาแสดงความคิดเห็นว่า สามารถเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ โดยยกกรณีการเลื่อนการเลือกตั้งในปี 49 ว่า การเลือกตั้งในปี 49 เป็นคนละเหตุการณ์กับปัจจุบัน เพราะตอนนั้นมีการวินิจฉัยว่า การเลือกตั้งเป็นโมฆะ จึงทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ แต่สถานการณ์ปัจจุบันตนได้ดูข้อกฎหมายต่างๆ แล้ว ไม่มีช่องทางที่จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ หากรัฐบาลดำเนินการ ก็จะมีผู้ร้องเอาผิดอย่างแน่นอน ส่วนที่นายสุเทพ ชื่นชมผู้ที่ไปปิดล้อมสถานที่รับเลือกตั้งจังหวัดต่างๆ จนไม่สามารถเปิดรับสมัครได้นั้น ถือเป็นการกระทำผิดเพื่อขัดขวางการเลือกตั้งที่สำเร็จแล้ว ดังนั้น กกต. จึงต้องดำเนินคดีต่อ นายสุเทพ