xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ” ปลุกมวลชนเตรียมพร้อมยึดอำนาจหลังปีใหม่ ปราม “อดุลย์” อย่าอ้างตำรวจตายสลายชุมนุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สุเทพ” เสียใจเกิดเหตุรุนแรง ยันนำมาเป็นบทเรียนปรับปรุงวิธีการต่อสู้ ย้ำยึดอำนาจอธิปไตยหลังปีใหม่ สั่งมวลชนเตรียมตัวให้พร้อม ปราม “อดุลย์” อย่าอ้างเหตุตำรวจเจ็บ-ตาย มาสลายการชุมนุม ไล่ไปสอบสวนข้อเท็จจริงมาก่อน เพราะไม่เชื่อเกิดจากฝีมือประชาชน

วันนี้ (26 ธ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ขึ้นปราศรัยบนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงเหตุการณ์ตำรวจทำร้ายประชาชนที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ว่ามีความกังวลมาก่อนหน้านี้ว่าตำรวจภายใต้การสั่งการของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.จะต้องสั่งให้ทำร้ายผู้ชุมนุม พี่น้องประชาชนพยายามขัดขวางไม่ให้การเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมเกิดขึ้น แต่กลับถูกถล่มด้วยแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และกระสุนจริง

นายสุเทพกล่าวต่อว่า มีการเผยแพร่ภาพต่างๆ เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่ามวลมหาประชาชนมีอาวุธ และมีเจตนาฆ่าผู้อื่น โดยภาพหนึ่งเป็นชายฉกรรจ์ถืออาวุธปืนในมือทำท่ากำลังจะยิง ซึ่งขอยืนยันว่าได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพเก่า เกิดขึ้นเมื่อ 28 พ.ย. 51 เป็นการปะทะกันระหว่างมวลชนพันธมิตรกับกลุ่มเสื้อแดง คนในภาพคือคนเสื้อแดง ชื่อนายโชคพิสิฐ วรพัฒนาชัย ซึ่งได้ไปสู้คดีแล้ว มีการตัดสินจำคุก 6 ปี ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ต้องชี้แจงว่านี่เป็นวิชามารเพื่อป้ายสีมวลมหาประชาชนของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เลาฯ กปปส.กล่าวอีกว่า ตนขอแสดงความเสียใจที่เกิดเหตุวันนี้ขึ้น มีพี่น้องบาดเจ็บเกือบ 100 คน และมีถูกยิงที่กะโหลกศีรษะบาดเจ็บสาหัส และต้องขอแสดงความเสียใจครอบครัวตำรวจที่เสียชีวิตด้วย เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น คนที่บัญชาการวันนี้ คือ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา และแม้กระทั่ง 5 โมงเย็นก็ยังยิงอยู่ และตามยิงออกมาถึงถนนวิภาวดี มันไม่ใช่การยิงแก๊สน้ำตาหรือยิงกระสุนยางเพื่อยับยั้งการบุกของพี่น้องประชาชน เป็นการยิงจากบนตึกสูง บนอาคารในสนามกีฬา ซึ่งประชาชนเข้าไปไม่ได้ คนยิงต้องอยู่กับตำรวจ นายสุทิน ถึงได้บอกว่าเป็นตำรวจจริง 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นเสื้อแดงแฝงตัวกับตำรวจ 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นสัตว์ร้ายมาจากไหนไม่รู้ วันนี้ต้องถามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าให้คนใส่เครื่องแบบตำรวจไปปนกับตำรวจที่สนามกีฬากี่คน เป็นตำรวจจริงกี่คน เป็นตำรวจปลอมกี่คน

นายสุเทพกล่าวอีกว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ต้องเอาตำรวจที่ทุบรถพยาบาลอาสามาชี้แจงว่าคนไหนเป็นตำรวจจริงคนไหนเป็นตำรวจปลอม ทั้งที่อาสาสมัครของเราเป็นผู้หญิง ไปมือเปล่า ไม่มีอาวุธ มีแต่อุปกรณ์พยาบาล และยังไม่ได้เข้าไปในสนามกีฬาฯเลย ตำรวจกรูออกมาทุบรถ และตอนที่ออกมาทุบรถนั้น 5 โมงเย็นแล้ว จะมาอ้างว่าไปขัดขวางการเลือกตั้งไม่ได้ ทำกับประชาชนเหล่านี้โดยไม่มีการเตือน ไม่มีการสั่งห้าม ไม่ปฏิบัติตามหลักสากล

นอกจากนั้น ส.ว.ไพบูลย์ นิติตะวัน ได้เข้าไปดูในสนามกีฬาฯ พบว่าอาวุธที่ตำรวจนำมาใช้ผิดจากการใช้ที่เป็นสากลหลายอย่าง มีการใช้เครื่องยิงแก๊สน้ำตาทำให้คนเจ็บ คนตาย มีปืนลูกซอง 124 ลูกที่เป็นลูกจริง นี่เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าได้เตรียมการมาใช้อาวุธเป็นอันตรายกับประชาชนเพื่อหวังสร้างสถานการณ์ให้รุนแรง และจะได้อ้างความชอบธรรมยกกำลังออกมาปราบปรามประชาชน นี่คือเล่ห์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

รวมถึงกรณีที่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐถูกยิง ทั้งที่ทำข่าวอยู่นอกสนามกีฬาฯ และถูกยิงตอน 4 โมงเศษๆ ซึ่งเขาสมัครกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำไมยังบ้ายิงกันอยู่

นายสุเทพกล่าวต่อว่า ตนไม่ต้องการให้พี่น้องประชาชนรู้สึกเกลียดชังตำรวจ เชื่อว่าตำรวจดีๆไม่อยากทำ แต่ยังมีตำรวจอย่าง พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ยอมขายชีวิตให้ระบอบทักษิณ และคนที่จะต้องถูกตำหนิที่สุด คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่สั่งการไว้หมดแล้ว นี่คือคนที่เราต้องจัดการ

สำหรับคนที่บาดเจ็บไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราเสียใจทั้งนั้น เราไม่ได้ต้องการมาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ถึงบอกว่าให้เจ้าหน้าที่คิดใหม่ ให้มาอยู่ข้างประชาชนดีกว่าอยู่ข้างมารร้ายต่อไป ซึ่งเราจะศึกษากรณีนี้เป็นบทเรียนและต้องปรับปรุงวิธีการในการต่อสู้ ไม่ปล่อยให้อารมณ์พาไป ไม่ใช่มุ่งไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกโกรธ แต่ต้องเป็นระบบ มีศรัทธา เชื่อมั่นในแกนนำที่รับผิดชอบ เพราะพวกเรารู้คุณค่าของชีวิตของพี่น้อง พวกตนตั้งใจและพูดกันว่างานนี้ไม่ว่าแพ้หรือชนะต้องสู้ให้ถึงที่สุด แต่จะไม่ยอมให้พี่น้องคนไหนต้องเสียชีวิต ต้องรักษาชีวิตประชาชน นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจจะทำ และเหตุการณ์วันนี้เป็นบทเรียนที่จะวางระบบในการป้องกันไม่ให้เป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างรุนแรงเหมือนวันนี้

หลังปีใหม่เราจะลุกขึ้นยึดอำนาจของประชาชนคืนมา และเราจะทำพร้อมกันทั้งประเทศ จะทำด้วยมือเปล่า ทำด้วยหัวใจและต้องทำโดยใช้สมองไม่ให้เกิดความสูญเสียกับพวกเราโดยเด็ดขาด นี่คือสิ่งที่ต้องตั้งใจให้มั่น

เลขาฯ กปปส.กล่าวด้วยว่า ตนยืนยันว่าต้องต่อสู้ต่อ และรับผิดชอบกับพี่น้องทั้งหลาย เพราะเรามีหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกันและไม่ทิ้งกันแน่นอน ขอให้มั่นใจ เราจะยืนหยัดต่อสู้ไปด้วยกัน และเพิ่มจำนวนมวลมหาประชาชนให้มากขึ้นๆมากพอจนกระทั่งวันที่เราลุกขึ้นยึดอำนาจอธิปไตยมาเป็นของประชาชน เสร็จสิ้นสมบูรณ์ด้วยมือของมวลมหาประชาชนอย่างแท้จริง

“ทั้งนี้ขอให้พี่น้องเตรียมตัว พ้นปีใหม่ไปแล้วเราจะลุกขึ้นยึดอำนาจ ประชาชนอย่างเราไม่ต้องใช้อาวุธ สู้ด้วยหัวใจ ด้วยมือเปล่า สู้เพราะรักชาติ รักแผ่นดิน และครั้งนี้ลุกขึ้นสู้เป็นสิบๆล้านคน ยึดมันทั้งประเทศ และขอส่งสัญญาณนี้ไปถึงคณะกรรมการ กปปส.ทุกจังหวัด ให้เตรียมกำลังให้พร้อม” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพยังกล่าวอีกว่า การต่อสู้ที่กรุงเทพฯ คราวนี้อาจต้องใช้เวลา 15-20 วัน หรือเป็นเดือน ถ้าพี่น้องประชาชนต่างจังหวัดอยากมาต่อสู้กับเรา ให้เตรียมเสบียง เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มให้พร้อม ถ้าไม่สะดวกมา เตรียมลุกฮือในจังหวัดต่างๆ เชิญลงมือได้ตามบทเรียนที่เราแสดงให้เห็นนี้แล้ว แต่ต้องถือยึดหลักสันติ สงบ ไม่รุนแรง ปราศจากอาวุธ

และให้ กกต.เห็นว่านี่เป็นยกแรกประชาชนยังออกมาแสดงเจตนารมณ์ขนาดนี้ ถ้ายังดื้อด้านจัดให้มีการเลือกตั้งต่อไปถือว่าประกาศตัวเองยืนคนละข้างกับประชาชน แล้วก็ขอฝากถึงพี่น้องตำรวจที่อยู่ต่างจังหวัดอย่าได้เอาเยี่ยงอย่างของ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา อย่าทำกับพี่น้องอย่างนี้ และกกต.ในต่างจังหวัดดูไว้ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำการขัดเจตนารมณ์ของประชาชน

สำหรับข้าราชการอื่น ขอให้มองด้วยสายตาที่เป็นธรรม ด้วยหัวใจที่ยุติธรรม พิจารณาดู ถ้ายังไม่ตัดสินใจยืนข้างประชาชน บ้านเมืองมีปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น ถ้าตัดสินใจเร็ว เรื่องก็จบเร็ว ความเสียหายมีน้อย เราจะรอคุณตัดสินใจอยู่ที่นี่

นายสุเทพกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเตือนไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ซึ่งยังเป็นตำรวจที่ดีในสายตาตนอยู่ อย่าถือโอกาสยกเอาตำรวจที่เจ็บ-ตายมาอ้างในการสลายการชุมนุม ให้ไปสอบสวนมาก่อนว่าใครเป็นคนทำ เพาะตนมั่นใจว่าไม่ใช่ฝีมือของมวลมหาประชาชนอย่างแน่นอน และถ้าเห็นว่าตนต้องรับผิดชอบ ตนพร้อม ออกหมายมา เสร็จงานแล้วไปมอบตัวสู้ทุกคดี แต่อย่าถือโอกาสโยนความผิดให้ประชาชน เพราะถ้าทำอย่างนั้นจะไม่มีตำรวจคนไหนกล้าใส่เครื่องแบบเดินถนนได้อีกต่อไป และขอบอกไปถึงตำรวจดีๆให้ตัดสินใจมายืนอยู่ข้างประชาชน เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีเกียรติยศของตำรวจไทย ส่วนบอกไปถึงเหล่ามารร้ายที่ยังยึดติดกับอำนาจ ว่ามวลมหาประชาชนจะต่อสู้จนชนะ ตนขอยืนยันว่าแกนนำทุกคนจะยืนหยัดต่อสู้้กับพี่น้อง ผิดพลาดอย่างไรพร้อมรับความผิดไว้เอง ตำหนิได้ทุกอย่าง แต่ไม่ยอมแพ้















กำลังโหลดความคิดเห็น