สะเก็ดไฟ
วงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง ตอนนี้เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย นั่งตำแหน่งนี้มาตั้งแต่สมัยยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็น รมว.มหาดไทยจนมาถึงยุค จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ โดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด
ตั้งข้อหาร้ายแรงคดีสอบสวนเรื่องการทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการปกครอง โดยมีความผิดทางวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมแปลงเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่มีหน้าที่นั้น
และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตน อันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริง อันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 161 และ 162 (1), (4)
วงศ์ศักดิ์ ประกาศลั่นจะขอต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและกอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองกลับคืนมา
“หากเรื่องไปถึงศาล ก็ต้องขอต่อสู้ถึงที่สุด ก็จะเอาข้อเท็จจริงไปต่อสู้เพราะผมไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยในการสอบสวนของ ป.ป.ช. กระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.โดยอนุกรรมการไต่สวนที่ ป.ป.ช.ตั้งขึ้น กระทำโดยมิชอบมีวาระซ่อนเร้นและไม่ให้ความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา
เหตุที่เป็นเช่นนี้ มันเกิดจากการที่มีกรรมการ ป.ป.ช.คนหนึ่งได้มาติดต่อขอให้ผมช่วย คือต้องการฝากลูกตัวเองเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ก็มาฝากกับผม แต่ผมทำให้ไม่ได้ เขาก็เลยโกรธแค้นเป็นการส่วนตัว แล้วต่อมามีการไปยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อให้ตรวจสอบฝ่ายการเมืองในช่วงนั้นที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย
แถมตอนช่วงนั้น เมื่อมีการสอบสวนเรื่องนี้เป็นข่าวกันขึ้นมา ก็ปรากฏว่ารัฐมนตรีเวลานั้นก็ตั้งภรรยากรรมการ ป.ป.ช.คนหนึ่ง ขึ้นมาเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัด จึงแสดงให้เห็นแล้วว่า การสอบสวนของป.ป.ช.ไม่ชอบ อนุกรรมการสอบสวนของ ป.ป.ช.มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง การสอบสวนของ ป.ป.ช.ที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับผมจึงเป็นการสอบที่มีอะไรซ่อนเร้นปิดบังอยู่”
ไม่ได้มีแค่ วงศ์ศักดิ์ คนเดียว แต่ลูกน้องเก่าหลายคนในกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตอนนี้หลายคนเติบโตได้ดิบได้ดีกันไปตามอายุงาน เพราะเหตุที่เกิดก็ผ่านมาแล้วร่วม 3-4 ปี ต้องเจอเอาความผิดย้อนหลังไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็น ครรชิต สลับแสง อดีตเลขานุการกรมการปกครอง, ข้าราชการกรมการปกครอง ที่เข้าสอบและผ่านการคัดเลือกเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 68 รุ่นที่ 69 และรุ่นที่ 70 จำนวน 119 คน มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 161 และ 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 86 เนื่องจากการสอบสวนของ ป.ป.ช.เชื่อว่าเป็นการสอบโดยไม่ชอบ ผู้เข้าสอบและผ่านการคัดเลือกในรุ่นดังกล่าวน่าจะสอบเข้าไปโดยทุจริต ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์กติกา
แต่ความสนใจอยู่ที่ตัว “วงศ์ศักดิ์” มากที่สุด ซึ่งแม้โอกาสจะต่อสู้เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นคดียังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการลุ้นในชั้นอัยการ ที่มีช่องยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมได้ แต่เมื่อดูจากมติ ป.ป.ช.ที่มีมติเอกฉันฑ์ 7 ต่อ 0 โดยมีกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ได้เข้าไปโหวตสองคน เห็นได้เลยว่า ต่อให้ อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง แล้วส่งเรื่องกลับไปยัง ป.ป.ช. คดีนี้ยังไง ป.ป.ช.ก็ต้องยื่นฟ้องเองแน่นอน
วงศ์ศักดิ์บอกว่าจะสู้คดีจนถึงที่สุด ก็คงได้สู้คดีในชั้นศาลแน่นอน
ไม่เพียงคดีอาญาเท่านั้น เมื่อมติ ป.ป.ช.ออกมาแบบนี้ ผลที่จะตามมาก็คือ การลงโทษทางวินัยย้อนหลัง วงศ์ศักดิ์ แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถเอาผิดย้อนหลังได้ เหมือนเช่นกรณียงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีต รมว.มหาดไทย-อดีตปลัดมหาดไทย ลูกพี่เก่าของวงศ์ศักดิ์
ยงยุทธพ้นจากตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยมาร่วมสิบปี แต่พอเจอพิษคดีฮุบที่ดินวัดมาสร้างสนามกอล์ฟอัลไพน์ของ ป.ป.ช.ชุดนี้ ก็ต้องโดนเอาเรื่องเข้าที่ประชุม อ.ก.พ.แล้วก็มีมติไล่ออกจากราชการย้อนหลังจนยงยุทธต้องทิ้งเก้าอี้ รมว.มหาดไทยในเวลาต่อมา
คราวนี้ความซวยกำลังมาเยือนวงศ์ศักดิ์เช่นกัน เพราะเมื่อ ป.ป.ช.ส่งมติดังกล่าวไปให้กระทรวงมหาดไทยแล้ว หลังจากนี้ กระทรวงมหาดไทยโดยคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.)กระทรวงมหาดไทยที่มี จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยเป็นประธาน ต้องพิจารณามติดังกล่าวของ ป.ป.ช.ภายใน 30 วันนับแต่ได้รับเรื่อง เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรกับนายวงศ์ศักดิ์
เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงขนาดนี้ การลงโทษย้อนหลังของ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย อย่างเบาสุดก็คือ ปลดออก เท่านั้น หนักสุดก็ไล่ออกจากราชการ เชื่อว่าเสียงใน อ.ก.พ.ที่มี “จารุพงศ์” เป็นประธาน คงพยายามช่วยเหลือ “วงศ์ศักดิ์” เต็มที่เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะที่ผ่านมาวงศ์ศักดิ์ช่วยงานเพื่อไทยมาตลอดตั้งแต่สมัยเป็นฝ่ายค้าน จึงทำให้มีการตั้งวงศ์ศักดิ์เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยตอบแทนกันมาถึงทุกวันนี้
มติของ ป.ป.ช.ครั้งนี้ จะว่าไปแล้วการที่ใช้เวลาในการสอบสวนนานหลายปี เพราะเป็นการสอบสวนการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอปี 52 มาบัดนี้จะเข้าสู่ปี 57 เท่ากับว่าใช้เวลาในการสอบร่วม 4 ปี จะบอกว่านานก็ถือว่านาน แม้หลายคนจะบอกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากโดยเฉพาะคนที่สอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอรุ่นที่มีปัญหาร่วม 119 คนที่ต้องโดนเอาผิดไปด้วย การสอบจึงต้องรอบคอบเพราะจะกระทบต่อชีวิตราชการของคนจำนวนมาก ที่โดนเอาผิดวินัยร้ายแรง การสอบต้องใช้ความรอบคอบ
แต่เมื่อดูจากคำแถลงเบื้องต้นของ ป.ป.ช.ก็จะพบว่า ปมในการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.หลักๆ ก็คือคำให้การของพยานที่เกี่ยวข้องไม่กี่คนเท่านั้น จริงๆ แล้ว ป.ป.ช.น่าจะสรุปเรื่องได้เร็วกว่านี้ อย่างไรก็ตาม สำนวน ป.ป.ช.จริงๆ อาจมีอะไรที่เป็นความลับมากกว่านี้ เช่นคำให้การของพยานสำคัญๆ จำนวนมากที่เปิดเผยไม่ได้ แต่เมื่อผลการชี้มูลออกมาเด็ดขาดแบบนี้ แล้วเรื่องจบไปแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ ป.ป.ช.ชี้มูลทิ้งท้ายก่อนสิ้นปี 56 โดยผู้ได้รับข่าวร้ายสิ้นปี ก็คือ วงศ์ศักดิ์และพวก
สำหรับที่ วงศ์ศักดิ์ ระบุว่าเหตุที่ตัวเองโดน ป.ป.ช.เอาผิดเช่นนี้เป็นเรื่องความแค้นส่วนตัวของกรรมการ ป.ป.ช.คนหนึ่งที่ฝากลูกเข้าโรงเรียนนายอำเภอไม่ได้ แถมการที่ฝ่ายการเมืองรอดพ้นความผิดในการสอบของ ป.ป.ช.เพราะมีการตั้งภรรยาคนในสำนักงาน ป.ป.ช.ขึ้นเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัด เรื่องนี้ก็จะปล่อยให้ผ่านเลยไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อดูจากรายชื่อ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ก็จะแกะรอยได้ไม่ยากว่า ป.ป.ช.คนไหนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่ฝากลูกเข้าโรงเรียนนายอำเภอ
ดังนั้น คนในสำนักงาน ป.ป.ช.ต้องเคลียร์ตัวเองด้วย ว่าลูก ป.ป.ช.คนไหนรับราชการอยู่ที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่อายุราชการอยู่ในช่วงที่กำลังจะเป็นนายอำเภอหรือเพิ่งผ่านการเป็นนายอำเภอได้ไม่นาน รวมถึงมีกรรมการ ป.ป.ช.คนไหนมีภรรยารับราชการเป็นรองผู้ว่าฯ ในช่วงสมัยชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น รมว.มหาดไทย
ของแบบนี้ ตรวจสอบกันได้ไม่ยาก หากมีก็ออกมาเคลียร์ข้อกล่าวหาวงศ์ศักดิ์ให้ชัด เรื่องจะได้จบ แล้วก็ให้คดีว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป