พรรคเพื่อไทยเรียก 16 พรรคการเมืองสุมหัวศูนย์สิริกิติ์ หาทางจับเบอร์ให้ได้ อ้างทุกพรรคอยากเลือกตั้งจะแย่แล้ว แต่ กกต.อ่อนหัด คุมสถานการณ์ไม่ได้ ขู่หยิบมาตรา 157 ฟ้องแน่ เรื่องมากให้เอาเฮลิคอปเตอร์มารับ “ภูมิธรรม” เสนอจับเบอร์ในค่ายทหาร “บรรหาร” ปิ๊งไอเดียให้ จนท.กกต.จับเบอร์แทน “ภูมิใจไทย” เมินเข้าร่วมเพราะไร้ประโยชน์
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเวลา 14.45 น.ได้มีการนัดประชุมพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 รวม 16 พรรค อาทิ พรรคเพื่อไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคพลังชล พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคถิ่นกาขาว พรรคเพื่อประชาชน พรรคคนขอปลดหนี้ และพรรคประชาสันติ เป็นต้น โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพ และมีตัวแทนพรรคการเมืองที่น่าสนใจ อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และตัวแทนพรรคการเมืองอื่นๆ
โดย นายสมชาย ได้ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม และได้เสนอหัวข้อหารือแก้ปัญหาเรื่องการลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดหมายจับสลากหมายเลขของพรรคในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ รวมถึงวิกฤตการเมืองของประเทศในภาพรวมด้วย
จากนั้นที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ผู้แทนพรรคการเมืองต่างๆ แสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่เป็นผู้แทนพรรคการเมืองขนาดเล็กที่อภิปรายไปในทิศทางเดียวกันว่า ทุกพรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 เพราะมีการโปรดเกล้าฯพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาลงมาแล้ว รวมทั้งยังตำหนิการทำหน้าที่ของ กกต.ที่ไม่สามารถจัดการรับสมัครเลือกตั้งได้ รวมไปถึงรัฐบาลที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมจนมีการปิดล้อมที่สมัครรับเลือกตั้ง ปล่อยให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่ไปสมัครต้องถูกกักอยู่ในวงล้อมผู้ชุมนุม ทั้งใน สน.ดินแดง และสนามไทย-ญี่ปุ่น ขณะที่ กกต.กลับหนีออกมา และ 5 กกต.ก็ไม่ได้มาควบคุมในสถานที่ จึงถือเป็นการทำงานอ่อนหัดมาก
ที่ประชุมยังอภิปรายต่อไปว่า หาก กกต.ไม่สามารถดำเนินการจับสลากหมายเลข และจัดการเลือกตั้งได้ ก็ต้องร้องเอาผิด กกต.ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 หรือให้จับตัว กกต.ทั้ง 5 คน รวมทั้งเสนอให้จัดหาเฮลิคอปเตอร์ หรือรถประจำตำแหน่งเอกอัครราชทูตมาอำนวยความสะดวกให้แก่หัวหน้าพรรคที่ไปจับสลากในวันที่ 26 ธ.ค.เพราะเชื่อว่าผู้ชุมนุมไม่กล้าทำอะไร และหากผู้ชุมนุมยิงเข้ามา ทางตำรวจก็ยิงตอบโต้กลับไป เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่าผู้ชุมนุม กปปส.พร้อมจะทำร้ายพวกเรา
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากฟังข้อคิดเห็น นายสมชาย ฟังการหารือจากหัวหน้าพรรคเล็ก ก็แสดงความเห็นออกมาว่า “ตนก็ไม่ทราบว่าปัญหาที่ผู้ชุมนุม กปปส.ออกมาเรียกร้องเพราะสาเหตุอะไร
“ผมก็เคยถามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ท่านก็ไม่ทราบเช่นกัน” นายสมชาย กล่าว
ภายหลังที่นายสมชายกล่าวจบ นายกุศลหมีเทศริ์ ศรีอารวงศา ตัวแทนของพรรคคนขอปลดหนี้ ได้ตอบโต้บอกนายสมชายว่า “หากท่านไม่รู้ว่าปัญหาเกิดจากอะไร จะบอกให้คือ ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง และหากที่ประชุมไม่ฟังตน ทุกคนจะถูกจับ และถูกปฏิวัติแน่นอน”
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รอให้ กกต.ประชุมสรุปในวันนี้ เพราะอาจจะมีทางออก และเสนอให้แต่ฝ่ายทำหนังสือถึง กกต.ให้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ก่อน หากทำไม่ได้ก็ให้ย้ายไปจับสลากไม่ว่าจะค่ายตำรวจ หรือทหาร ได้ทั้งหมด หากเราเข้าไปจับสลากไม่ได้ กกต.จะจับสลากให้เรา เพราะคิดว่าได้เบอร์อะไรก็ยอมรับได้หมด เพราะเราต้องการให้เกิดการเลือกตั้ง แต่การจะแก้ปัญหาใช้เฮลิคอปเตอร์นั้นก็คงทำไม่ได้
จากนั้น นายบรรหาร กล่าวว่า ทุกท่านมาที่นี้เห็นด้วยให้มีการเลือกตั้ง มาตรา 3 อำนาจมาจากประชาชนจริง แต่ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น และ กกต.ต้องจับสลากให้ได้ แต่หากต้องเปลี่ยนพื้นที่จับสลากก็ไม่ควรบอกล่วงหน้า ทั้งนี้ ตนอยากให้ทุกพรรคการเมืองทำหนังสือถึง กกต.ให้จับสลากให้ได้ ส่วนหากเกิดเหตุการณ์อะไรจะค่อยแก้ปัญหาในภายหลัง
“วิธีการให้ กกต.จับสลากแทนพวกเรา ผมขอให้เป็นวิธีสุดท้าย และหากเห็นด้วยให้แต่ละพรรคยกมือสนับสนุน” เมื่อนายบรรหารพูดจบ ตัวแทนทุกพรรคที่เข้าได้ยกมือกันอย่างพร้อมเพรียง
ในช่วงท้าย นายสมชาย กล่าวสรุป หากไม่สามารถให้พรรคการเมืองจับสลากได้ ให้ทุกพรรคทำหนังสือยินยอมไปที่ กกต.โดยตรงให้ทุกพรรคจับสลากแทน และทุกพรรคจะยอมรับหมายเลข และหากกฎหมายเปิดช่องให้สามารถทำได้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยากให้ทุกพรรคทำหนังสือแสดงเจตจำนง ไปที่ กตต.เอง เพราะหากมาฝากให้พรรคเพื่อไทยไปดำเนินการแทน อาจถูกมองว่าฮั้วกันได้
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นายทรงศักดิ์ ทองศรี จากพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมครั้งนี้ โดยนายทรงศักดิ์ชี้แจงว่า สาเหตุที่พรรคไม่ได้เข้าร่วมหารือครั้งนี้ เพราะไม่ทราบว่ามีประโยชน์อะไรที่จะมาเข้าร่วม เพราะวันนี้ยังรับสมัครเลือกตั้งไม่ได้ อีกทั้งเมื่อรับสมัครได้แล้ว ก็ต้องแข่งขันกันอีกในสนามเลือกตั้ง จึงไม่ใช่เวลามาหารือกันล่วงหน้า