“บุญรอด” แจงหนังสือบอสใหญ่เบียร์สิงห์ เตือน “จุตินันท์” เรื่องบทบาท “ตั๊น จิตภัสร์” แค่ปกป้องธุรกิจ อีกด้านโซเชียลวิจารณ์ภิรมย์ภักดีสายแม้ว “เต้ กรุงเทพมาราธอน” แชะภาพคู่ นช.แม้ว และเอม พร้อมสามี “อภิสิทธิ์” ชี้เหตุบึ้มบ้าน “น้องตั๊น” สะท้อนระบอบทักษิณ คุกคามฝ่ายตรงข้าม ยันประเทศประชาธิปไตยจริงไม่ทำกัน เจ้าตัวบอกไม่ได้หวั่นไหวอะไร
วันนี้ (19 ธ.ค.) จากกรณีที่บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เจ้าของเครื่องดื่มตราสิงห์ ลงวันที่ 18 ธ.ค. 2556 จากนายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ถึงนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี บิดาของ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี หรือ ตั๊น อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ และหนึ่งในแนวร่วมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ กปปส.โดยเนื้อหาเป็นการกล่าวตำหนินายจุตินันท์ ต่อกรณีบทบาททางการเมืองของ น.ส.จิตภัสร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจและตระกูล
ล่าสุดมีรายงานยืนยันจากทางบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ว่า เอกสารดังกล่าวเป็นจดหมายที่นายสันติเขียนถึงนายจุตินันท์จริง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการปกป้องธุรกิจของตนเอง และชี้แจงให้คนทั่วไปเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ น.ส.จิตภัสร์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ แต่อย่างใด เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ น.ส.จิตภัสร์ เข้าไปเคลื่อนไหวร่วมกับ กปปส.ทำให้ภาพลักษณ์และสินค้าของบริษัทได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ในสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพอินสตาแกรมของ @tae_bhurit ของนายภูริต ภิรมย์ภักดี หรือ เต้ บุตรชายคนโตของนายสันติ กรรมการบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ และนักร้องนำวงกรุงเทพมาราธอน วงดนตรีนอกกระแส ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน และบุตรสาว เอม-พินทองทา คุณากรวงศ์ พร้อมกับนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีนางพินทองทา ซึ่งถ่ายเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา โดยไม่ระบุสถานที่ว่าอยู่ที่ไหน
อีกด้านหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการปาระเบิดเพลิงใส่บ้าน น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีบทบาทบนเวที กปปส.ว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.จิตภัสร์ แล้ว เจ้าตัวไม่ได้หวั่นไหวอะไร ซึ่งในวันนี้ได้มาพบตน ซึ่งตั้งแต่ น.ส.จิตภัสร์ เข้ามาทำงานการเมืองก็ไม่เคยอ้างครอบครัวหรือบริษัท แต่การเลือกเส้นทางการเมืองก็น่าเห็นใจ เพราะยุคนี้มีผลกระทบและต้องเห็นใจครอบครัวและบริษัทที่คิดว่าได้รับผลกระทบ เพราะเขาไม่ได้เข้ามาสู่การเมืองด้วย นี่คือภาพปัญหาการเมืองในปัจจุบัน แต่เจ้าตัวเป็นผู้ใหญ่แล้ว และบอกกับตนว่าที่เลือกทำงานนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับประเทศและอนาคต โดยไม่หวั่นไหวและจะทำต่อไป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า น.ส.จิตภัสร์ คงไม่สบายใจที่ครอบครัวและบริษัทได้รับผลกระทบ แต่เธอก็มีสิทธิ์ที่จะทำงานการเมืองตามที่ตนเองตัดสินใจ
เมื่อถามว่า ถ้าบริษัทใหญ่อย่างเบียร์สิงห์ถูกบีบได้ แล้วจะมีบริษัทใครกล้ามาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความเป็นระบอบทักษิณ เพราะก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาไม่เคยมีปัญหาแบบนี้ เหมือนที่ดีเอสไอทำตลอดช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ตั้งแต่การขู่ออกหมายจับคนบริจาคเงินช่วยน้ำท่วมกับพรรค แล้วใครจะกล้าบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองที่ไม่มีอำนาจ นี่คือความไม่เป็นธรรมที่สะสมมา และมีระบบกดดันในรูปแบบต่างๆ เพราะถ้าเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง บริษัทไหน หรือครอบครัวไหนมีสมาชิกไปทำงานการเมืองจะไม่มีแรงกดดันเลย
ในต่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีธุรกิจไหนต้องกลัวว่าไปสนับสนุนฝ่ายค้าน แต่พอขยับแล้วเกิดปัญหาต้องเกรงกลัวอำนาจ เป็นตัวบ่งบอกว่าทำไมประเทศถึงต้องปฏิรูป และการที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ขู่จะดำเนินคดีกับผู้บริจาคเงินให้ กปปส.ก็ยิ่งตอกย้ำว่า ทำไมเสียงปฏิรูปจึงดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะเครื่องมือของรัฐถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำให้เกิดปัญหา นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการวินิจฉัยแล้วว่าการชุมนุมเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตนไม่อยากวิจารณ์ว่านายธาริตทำเกินขอบเขตของกฎหมายหรือไม่ เพราะตนได้ฟ้องไปแล้วหนึ่งคดี ส่วนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้นายสุเทพนำไปใช้สู้คดีที่ถูกตั้งข้อหากบฏได้หรือไม่นั้น ตนคงพูดไม่ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยเป็นรายกรณีและมีเหตุผลประกอบ