โปรดเกล้าฯ “พรเพชร วิชิตชลชัย” ผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่แล้ว เจ้าตัวหวังใช้ประสบการณ์เสริมทัพให้เข้มข้นขึ้น
วันนี้ (18 ธ.ค.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่ กล่าวเป็นครั้งแรกหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่ เมื่อวันที่ 8 ธันวามคมที่ผ่านมา ว่าบทบาทอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินค่อนข้างกว้าง โดยเฉพาะการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ผลงานของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ผ่านมาประสบความสำเร็จพอสมควร แต่หากดูจากโครงสร้างของสำนักงานแล้วเห็นว่า มีจำนวนบุคลากรน้อย ไม่เพียงพอต่อการรับผิดชอบทั่วราชอาณาจักร โดยเฉพาะงานด้านกฎหมายและงานสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง หากจะทำให้องค์กรเข้มแข็งก็ต้องพิจารณาทั้งกรอบอัตรากำลังและการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องจริงจัง
“จากเสียงวิจารณ์ต่างๆ ว่าผู้ตรวจการแผ่นดินเปรียบเสมือนเสือกระดาษ หรือเป็นครูที่ถือไม้เรียวเท่านั้น นักเรียนเชื่อฟังบ้างไม่เชื่อฟังบ้าง เพราะไม่มีมาตรการลงโทษเด็ดขาด แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะแท้จริงแล้วเป็นเจตนารมณ์ที่มุ่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรกลางที่ใกล้ชิดพี่น้องประชาชน ประนีประนอมแก้ไขทุกข์ร้อนร่วมกับหน่วยงานได้อย่างสมานฉันท์ อาจไม่ได้เด็ดขาดรุนแรง แต่ก็เป็นกระบวนการที่นำไปสู่การแก้ไขเยียวยาที่ถูกต้อง ซึ่งจากความรู้และประสบการณ์ในงานผู้พิพากษาที่สั่งสมมาเกือบตลอดชีวิต คาดว่าจะสามารถสนับสนุนภารกิจของผู้ตรวจการแผ่นดินได้ เรียกว่าเสริมทัพให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น” นายพรเพชรกล่าว
ปัจจุบันผู้ตรวจการแผ่นดินมีผู้ตรวจการแผ่นดิน 3 คน ประกอบด้วย นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน, นายศรีราชา เจริญพานิช และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้ตรวจการแผ่นดินที่ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งแทนนายประวิช รัตนเพียร หลังลาออกเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา
สำหรับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ปัจจุบันอายุ 65 ปี เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2491 จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 2 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบเนติบัณฑิตไทย และปริญญาโทด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ด้านประวัติการทำงานนั้น เริ่มรับราชการครั้งแรกในตำแหน่งนิติกร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และเป็นอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
นอกจากนี้ยังเคยเป็นอาจารย์สอนวิชากฎหมายในคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย