พรรคชาติพัฒนาเลือดไหลก่อนเลือกตั้งไม่หยุด “ก๊วนปรีชา” ซบแม้ว “ก๊วนพญานาค” ฝากรักเติ้ง นัดถกใหญ่ 19 ธ.ค.ก่อนเปิดตัวปาร์ตีลิสต์ 21 ธ.ค.“ปรีชา-พินิจ” เว้นวรรค เชื่อสภาฯ อายุสั้น
วันนี้ (17 ธ.ค.) มีรายงานว่า สำหรับการเตรียมการของพรรคชาติพัฒนา ที่มี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นแกนนำนั้น ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการส่งบุคคลเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 2 ก.พ.57 นี้ เนื่องจากขณะนี้พบว่ามีสมาชิกพรรคซึ่งย้ายมาจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ทยอยลาออกและไปสมัครเข้าพรรคการเมืองอื่นจำนวนมาก
โดยกลุ่มคนใกล้ชิด นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อาทิ นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ นายอุดร ทองประเสริฐ และ นพ.ภูมินทร์ ลีกิจธีระประเสริฐ ได้สมัครเข้าพรรคเพื่อไทยมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่สมาชิกในกลุ่มของนายพินิจ จารุสมบัติ อาทิ นพ.อลงกต มณีกาศ นางพรรณี จารุสมบัติ นายเอกภาพ พลซื่อ นางรัชนี พลซื่อ และนายรณฤทธิชัย คานเขต เป็นต้น ล่าสุดได้สมัครเข้าพรรคชาติไทยพัฒนา โดยในส่วนของพรรคชาติพัฒนาได้นัดประชุมเพื่อกำหนดทิศทางการส่งบุคคลลงสมัครในพื้นที่อื่น นอกจาก จ.นครราชสีมา หรือไม่อีกครั้งในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ณ ที่ทำการพรรคชาติพัฒนา จ.สุโขทัย รวมทั้งกำหนดการเปิดตัวผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อในวันที่ 21 ธ.ค.ก่อนจะไปสมัครในวันที่ 23 ธ.ค.
โดย นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา ในฐานะคนใกล้ชิดนายพินิจเปิดเผยว่า ส่วนตัวยังไม่ได้ตัดสินใจทางการเมือง เพราะขณะนี้ยังมีเวลา อย่างไรก็ตามสถานะของตนตอนนี้ยังเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาอยู่ ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองที่มีมวลชนออกมากดดันรัฐบาล ตนเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งแน่นอน หากวิเคราะห์ถึงบรรยากาศทางการเมืองอาจจะไม่มีการเลือกตั้ง เพราะหากมีความวุ่นวายก็จะไม่ยุติ เพราะมวลชนแต่ละฝ่ายจะออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน
ด้าน นพ.อลงกต กล่าวว่ากรณีที่ย้ายสังกัดมาอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะมองเห็นอนาคตทางการเมืองกับพรรคการเมืองขนาดกลาง อีกทั้งชื่อของพรรคชาติไทยพัฒนาในพื้นที่อีสาน เป็นที่ยอมรับ ทั้งนี้การย้ายสังกัดครั้งนี้ นายพินิจไม่ได้ฝากนักการเมืองในกลุ่มไว้กับ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาแต่อย่างใด เบื้องต้นตนได้เข้าพบแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว และได้รับการยืนยันว่าจะส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคชาติไทยพัฒนาระบบเขต
ส่วนความชัดเจนทางการเมืองของนายปรีชา และนายพินิจ นั้น ได้รับการยืนยันจากบุคคลใกล้ชิดว่า จะขอเว้นวรรคชั่วคราว และไม่ลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ โดยนายปรีชาขอใช้เวลาทำกิจกรรมด้านพระพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดีย ส่วนนายพินิจอยากให้กระบวนการปฏิรูปประเทศผ่านพ้นไปเสียก่อน เพราะมีการประเมินว่า การเลือกตั้งรอบนี้จะไม่ราบรื่น และแม้จะผ่านเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ไปได้ แต่ไม่นานก็จะต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอีก