ผ่าประเด็นร้อน
จำเอาไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดผลสำเร็จขึ้นมาได้ก็ด้วยการกระทำด้วยความมุ่งมั่นของตัวเอง จะหวังพึ่งพาคนอื่นไม่ได้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นไม่มีทางประสบความสำเร็จ
หากเปรียบเหมือนกับการรวมพลังลุกขึ้นสู้ของมวลมหาประชาชนในการ “ขับไล่ระบอบทักษิณ” แล้ว “ปฏิรูปประเทศ” ครั้งใหญ่ก็เช่นเดียวกัน ทุกอย่างจะสำเร็จได้ด้วยพลังสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันของพลังประชาชนเท่านั้น หากเรายังมุ่งมั่นเดินหน้าตามเป้าหมายเดิมที่คิดว่า “ถูกต้อง” ทำเพื่ออนาคต เพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริงแล้วก็ “ต้องเดินหน้าเต็มตัว” ไม่ต้องยั้งกันอีกต่อไป
ที่ผ่านมาการพบหารือกับบรรดาผู้นำเหล่าทัพอาจมีความหมายเพื่อต้องการคำตอบว่าจะเลือกยืนข้างประชาชนหรือไม่ เพื่อให้ทุกอย่าง “จบเร็วขึ้น” เท่านั้นเอง แต่เมื่อไดัรับคำตอบที่ดูเหมือน “ไม่ชัด” แต่สื่อความหมายได้ดีคือ “เขายังไม่เลือกออกมายืนข้างประชาชน” ก็แล้วกัน เพราะผู้นำเหล่าทัพพวกนี้เขายัง “กลัวรัฐบาล” ยังกลัว “ทักษิณ ชินวัตร” จึงยังไม่กล้าตัดสินใจประกาศออกมาให้ชัดทางคำพูดเท่านั้น แต่ความหมายมันชัดยิ่งกว่าชัด ว่านี่คือคำตอบของพวกเขา ดังนั้นป่วยการที่จะไปคาดคั้น
ขณะเดียวกัน สำหรับประชาชน สำหรับมวลมหาประชาชนก็ถึงเวลาเดินหน้าเต็มตัว เพราะที่ผ่านมาถือว่า “เสียเวลา” กับเรื่องไม่เป็นเรื่องมามากพอแล้ว และถึงเวลาที่จะต้องกำหนดวาระประชาชนเดินไปข้างหน้ากันแบบไม่วอกแวก ไม่ต้องรอใครและสนใจใครอีกต่อไปแล้ว เพราะในเมื่อมวลมหาประชาชนได้ตัดสินใจร่วมกันแล้วว่าเป้าหมายร่วมกันคือการล้างระบอบทักษิณและ “การปฏิรูปประเทศ” ต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 9 ธันวาคม เป็นการตอกย้ำคำตอบได้ชัดเจนที่สุดแล้ว แต่เมื่อฝ่าย “ทรราช” และสมุนยังดื้อด้านยังขัดขวางไม่ยอมไปง่ายๆ เพราะคิดว่าเมื่อ “ประชาชนมือเปล่า” ไม่มีน้ำยา ก็คงต้องถึงเวลาที่จะต้อง “สำแดงพลัง” เพื่อยืนยันให้เห็นอีกครั้ง พร้อมทั้งมีการ “กระชับ” ให้เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยคราวนี้อาจต้องไป “แสดงโชว์” ให้พวกผู้นำกองทัพได้เห็นพลังของเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงได้เห็นกันชัดๆ
ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องไปเยี่ยม ไปสั่งให้หยุดรับใช้ทรราชทันที รวมไปถึงต้องไปเยี่ยมเยียนธุรกิจของ “ตระกูลชินวัตร” ธุรกิจของครอบครัวทักษิณ ชินวัตร ทุกแห่งให้หยุดสูบเลือดสูบเนื้อ หยุดกอบโกยทรัพยากรของชาติเสียที ถึงเวลาต้องทำ ไม่ต้องเกรงใจกันอีกต่อไป เพราะ “ถ้าเปรียบเหมือนปฏิวัตินี่ก็คือการปฏิวัติโดยประชาชน” ที่มีเจตนาต้องการล้าง “ระบบทุนสามานย์” ที่มีมหาอำนาจต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนก็คือสหรัฐอเมริกา ที่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันอย่างชัดแจ้ง สำหรับมหาอำนาจพวกนี้ ท่องจำอยู่อย่างเดียวคือ “ผลประโยชน์” บางครั้งไม่สนว่าจะมี “เลือกตั้ง” หรือไม่มี จะเผด็จการทหารหรือเผด็จการพลเรือนอะไรก็ได้ขอตัวเองได้ประโยชน์เป็นพอ
ดังนั้น เมื่อความมุ่งหมายแน่วแน่ว่าต้อง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ก็ต้องเดินหน้าเต็มตัว อาจจะต้องรวมพลังกันเดินในท้องถนนทั่วกรุงเทพฯ และทั่วประเทศกันอีกครั้งเพื่อยืนยันให้เห็นก็จำเป็นต้องทำกันอีก คราวนี้นอกจากจะเดินกันบนถนนแล้ว อาจแสดง “สัญลักษณ์ธงชาติ” พร้อมใจกันยืนยันกันหน้าบ้าน หน้าบริษัทห้างร้านกันให้เต็มพรืดไปหมด ไม่จำเป็นว่าครั้งเดียวจบก็ได้ แต่จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ต่อต้านและไม่ยอมรับรัฐบาล คนในเครือข่ายระบอบทักษิณ ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งแบบ “พิธีกรรมโจร” เป็นอันขาด หรือไม่เช่นนั้นถ้าจำเป็นก็ “โหวตโน” ขัดขวางไม่ให้มี ส.ส.ครบจำนวน เปิดสภากันไม่ได้ หาก “ไม่ล้างกันให้สะอาด” เสียก่อน
เชื่อว่านาทีนี้เป้าหมายของ “ฝ่ายปฏิรูป” โดยมวลมหาประชาชนได้ตกผลึกแล้ว ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะยิ่งเวลาการต่อสู้ผ่านมานานเท่าไหร่ก็ยิ่งถอยไม่ได้ ต้องเดินลุยต่อให้ถึงที่สุด ต้องรวมพลังกันให้มากที่สุด จากเดิมที่เคยออกมาหลายล้านคน คราวหน้าถ้าต้องออกมาอีกก็ต้องมาได้ให้มากกว่านั้นอีก มากพอจนกลบความ “ด้าน” ของพวกระบอบทักษิณจนมิด
เมื่อได้เห็นอารมณ์ของมวลชนที่หน้าเวทีการชุมนุม หลังจากที่กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้หยั่งท่าทีหากต้องระดมกันออกมาเพื่อแสดงพลังกันอีกรอบ ก็ต้องบอกว่ายังหนักแน่นมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเชื่อว่าเราคงได้เห็นภาพประวัติศาสตร์กันอีกครั้งในเร็ววันนี้ เพราะทุกอย่างเริ่มงวดเข้ามาทุกขณะแล้ว!!
