xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” ดื้อเพื่อพี่ต่อไป จะใช้กรรมหนักกว่า “ทักษิณ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สะเก็ดไฟ

รามาหลั่งน้ำตาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนที่ชงหวานเจี๊ยบให้ระบายความในใจเกี่ยวกับตระกูลชินวัตรที่กำลังถูกกดดันให้เนรเทศตัวเองยกโคตรออกจากแผ่นดินไทยหลังจากทำร้ายประเทศชาติมานานกว่าสิบปี

เป็นอีกบทหนึ่งที่ทำให้ยิ่งลักษณ์ตกอยู่ในสภาพที่น่ารังเกียจมากยิ่งขึ้นในสายตาของประชาชนที่ตื่นรู้และมีความเท่าทันต่อมายาหญิงของยิ่งลักษณ์ ที่มีแต่น้ำตาเพื่อครอบครัว แต่ไม่เคยมีน้ำใจให้แก่ประเทศชาติและประชาชน

ความจริงถ้าดูจากภาพสะท้อนของยิ่งลักษณ์ผ่านหน้าจอทีวีจะเห็นชัดเจนว่า เธอได้กลายสภาพเป็นผู้หญิงไร้สุขอย่างแท้จริง ปากยิ้มแต่แววตาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ก็อย่างที่เธอบอกว่า “มีความรู้สึก ไม่ใช่ไม่มี” เพียงแต่ในความรู้สึกที่เธอมีมันปราศจากสำนึกในการแยกแยะถูกผิด ดีชั่ว จึงทำให้เธอยังจมปลักเป็น “บัวเต่าถุย” อยู่ใต้โคลนตมจนยากที่เบ่งบานโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ

อาจเรียกได้ว่ายิ่งลักษณ์ “มีวันนี้...เพราะพี่ให้” ของจริงเสียยิ่งกว่าที่ “คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ภาคภูมิใจเสียอีก

สภาพของยิ่งลักษณ์ในวันนี้ “จนตรอก” ไม่ต่างอะไรจากที่นักโทษหนีคดี “ทักษิณ ชินวัตร” เคยประสบเมื่อปี 49 ก่อนที่จะเกิดรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 จนกระเด็นออกจากอำนาจกลายเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนหนีคดีทุจริตคอร์รัปชันอยู่ต่างประเทศมาจนถึงทุกวันนี้

ยิ่งลักษณ์จึงควรได้ทบทวนเหตุการณ์จากบทเรียนของพี่ชายหนีคุกให้จงหนักว่าจะเจริญรอยตามกลายเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนในต่างแดนร่วมกับพี่ชายจอมบงการหรือว่าจะคิดแก้ไขเพื่อให้วงศ์ตระกูลสามารถมีที่เหยียบยืนอยู่ในสังคมไทยได้อย่างปกติสุข

เพราะหากยังเดินตามรอยทักษิณ ชะตากรรมที่ยิ่งลักษณ์จะต้องเผชิญต่อจากนี้ไปจะยิ่งเลวร้ายมากกว่าที่ทักษิณกำลังชดใช้กรรมอยู่ในขณะนี้

จุดต่ำสุดของทักษิณที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายทำให้ประชาชนจำนวนมากออกมาต่อต้าน คือ การขายหุ้นชินคอร์ป 7.3 หมื่นล้านบาทให้กับกองทุนเทมาเส็กโดยไม่ยอมเสียภาษี แถมยังใช้นักกฎหมายขี้ข้าของตัวเอง คือ สุวรรณ วลัยเสถียร ออกมาชี้แจงต่อสาธารณะอย่างไร้ความละอายว่า “ผมไม่ได้รับมอบหมายให้มาตอบเรื่องจริยธรรม” หลังจากถูกตั้งคำถามว่าการขายหุ้นของครอบครัวชินวัตรซึ่งทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นมีการใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียจนขาดจริยธรรมหรือไม่

นี่คือจุดเริ่มต้นของการข้ามเส่้นจริยธรรมอันชัดแจ้งของรัฐบาลที่ไร้ธรรมาภิบาลภายใต้การกำกับของทักษิณ ชินวัตร จนก่อกำเนิดกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในเวลาต่อมา และมวลชนเริ่มขยายจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นแรงกดดันให้ทักษิณตัดสินใจยุบสภาประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เม.ย.

ในขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านในขณะนั้น อันประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทักษิณลงสัตยาบันร่วมกันเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 40 แต่ทักษิณไม่ตอบรับกลับไปเรียกประชุมพรรคเล็กที่ตัวเองควบคุมได้แทนจนทำให้สามพรรคการเมืองดังกล่าวบอยคอตไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง

แม้ว่าพรรคไทยรักไทยจะได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนั้นอย่างท่วมท้นโดยได้จำนวน ส.ส.ถึง 460 คน แต่ทักษิณก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เนื่องจากในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งมีเฉพาะผู้สมัครพรรคไทยรักไทยลงได้คะแนนไม่ถึง 20% ส่งผลให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต.ต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในวันที่ 23 เม.ย.แต่ในการเลือกตั้งดังกล่าวก็ถูกประชาชนจำนวนมากประท้วงในเชิงสัญลักษณ์ด้วยการโหวตโนรวมไปถึงยังมีการฉีกบัตรเลือกตั้งด้วย

หลังจากนั้นพรรคไทยรักไทยมีการว่าจ้างพรรคเล็กให้ลงสมัครเลือกตั้งเพื่อหนีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายที่ผู้สมัครในพื้นที่ภาคใต้ได้คะแนนไม่ถึง 20% จนนำไปสู่การถูกยุบพรรคในเวลาต่อมาขณะเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้เพิกถอนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.เนื่องจาก กกต.จัดการเลือกตั้งมิชอบด้วยกฎหมายและศาลอาญาพิพากษาจำคุก กกต.ยุคสามหนาห้าห่วงเป็นเวลา 4 ปีโดยไม่รอลงอาญา ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในเวลาต่อมา

ในขณะที่การบริหารราชการแผ่นดินก็ไม่สามารถเดินหน้าได้โดยทักษิณ ต้องลาพักราชการให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯปฏิบัติราชการแทนประมาณหนึ่งเดือนเศษก่อนที่ทักษิณจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่นายกตามเดิมโดยอยู่ในตำแหน่งนายกในฐานะรักษาการ เพื่อรอการเลือกตั้งใหม่ที่กำหนดในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ซึ่งในขณะนั้นไม่มีพรรคการเมืองใดบอยคอตการเลือกตั้งแต่การเลือกตั้งก็เกิดขึ้นไม่ได้ เนื่องจากมีการรัฐประหารเกิดขึ้นในวันที่ 19กันยายน 2549

สิ่งที่ ยิ่งลักษณ์ ต้องใช้มันสมองเท่าที่มีคิดก็คือ เธอจะทำอย่างไรไม่ให้ต้องมีชะตากรรมเหมือนพี่ชายตัวเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากหากยิ่งลักษณ์ ยังพอจะมีจิตสำนึกที่ดีหลงเหลืออยู่บ้างแต่น่าเสียดายที่จำสำนึกที่ดีไม่มีใน “ผู้สืบสันดานทรราช”

วันนี้ของ “ยิ่งลักษณ์” จึงเชื่อได้เลยว่าแม้พรรคเพื่อไทยจะวางตัวให้เธอเป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 เพื่อเดินไปสู่การเลือกตั้งจนได้รับชัยชนะกลับมาแต่เธอก็จะไม่สามารถบริหารประเทศนี้ได้อีกต่อไป

เพราะนอกจาก ยิ่งลักษณ์จะต้องเผชิญกับกรรมเก่าที่จะตามไล่ล่าเธอและพรรคพวกเกี่ยวกับพฤติกรรมฉ้อฉลทางอำนาจละเมิดกฎหมาย โกงกิน คอร์รัปชัน ที่ยังค้างอยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช.แล้ว

ยิ่งลักษณ์ยังจะต้องเจอกับกองทัพนกหวีดที่พร้อมกรีดร้องทันทีที่เธอปรากฏตัวต่อสังคมซึ่งจะทำให้เธอไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกต่อไป

ดังนั้นเส้นทางต่อจากนี้ของยิ่งลักษณ์ ไม่มีทางจะเป็นรัฐบุรุษ อย่างที่ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ออกมาแลบลิ้นเชลียร์ เป็นได้แค่เพียง “โมฆสตรี” ที่รอวันไร้แผ่นดินอยู่เท่านั้น!
กำลังโหลดความคิดเห็น