รองโฆษกทัพบก ปัด “สุเทพ” นัดถกบิ๊กท็อปบูตวานนี้ ยันลือคุย “ยิ่งลักษณ์” วันนี้ก็ไม่จริง เผย ผบ.ทบ.สั่งระวังหวังแก้วิกฤตตามกระบวนการ พร้อมให้กำลังใจทุกภาคส่วนทำตามหน้าที่ วอนเลี่ยงละเมิดกฎหมาย ฟังความเห็นทุกฝ่าย ร่วมแสวงหาทางออกในจุดที่พอดี
วันนี้ (11 ธ.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงถึงกระแสข่าวว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้เข้ามาหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ว่า ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว และทั้ง 3 ท่านที่ถูกกล่าวถึงนั้นไม่มีใครอยู่ในพื้นที่ ร.1 รอ. อีกทั้งไม่มีเหตุผลความจำเป็นจะต้องมีการพบปะกัน และยืนยันว่ากระแสข่าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ จะเข้ามาหารือกับ ผบ.เหล่าทัพเพื่อหาทางออกภายใน ร.1 รอ.ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยปัจจุบันกองทัพบกและทหารทุกคนต่างปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทความรับผิดชอบของตนเองให้ดีที่สุด สำหรับ ผบ.ทบ.ได้กล่าวถึงสถานการณ์ขณะนี้ว่ากองทัพบกจะระมัดระวังอย่างยิ่งเพื่อสนับสนุนให้การแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง เหมาะสมตามขอบเขต โดยไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใดๆ เป็นการส่วนตัวได้
“ผบ.ทบ.ยังคงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รัฐทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชนทุกภาคส่วนในการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด อยากให้ทุกฝ่ายพยายามหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎหมาย การใช้ความรุนแรงหรือการเผชิญหน้ากัน และขอให้ใช้กฎหมาย กฎกติกาของสังคม ทั้งแนวทางด้านนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ รวมทั้งยอมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพราะน่าจะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ ทางกองทัพบกเชื่อว่ามีผู้หวังดีต่อประเทศชาติมากมาย ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงควรร่วมกันแสวงหาทางออกให้ได้โดยสันติวิธี การแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน โดยเฉพาะต่างฝ่ายต่างพยายามชี้ถูกชี้ผิด และต่างมั่นใจในมุมมองของตนเองเป็นหลักย่อมไม่มีทางออก แนวทางที่ดีที่สุดคือ ทุกคนต้องพยายามมองว่าประเทศชาติอยู่ตรงไหน จะทำอย่างไรให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ประชาชนปลอดภัย มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ขัดแย้งกันแบบไม่มีที่สิ้นสุด” รองโฆษก ทบ.กล่าว
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ทุกภาคส่วนควรสนับสนุนให้ประชาชนทุกพวกทุกสีเสนอให้ผู้นำของแต่ละฝ่ายหันหน้ามาร่วมแสวงหาทางออก แก้ไขปัญหาด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีใครได้ทั้งหมด หรือเสียทั้งหมด ดังนั้นน่าจะอยู่ในจุดที่พอดี ซึ่งต่างฝ่ายต่างยอมรับได้ ปัญหาในขณะนี้ควรจะแก้ที่ปัจจุบันให้ยุติ หากนำเหตุการณ์ในอดีตมาอ้างหรือนำพิจารณาร่วมกันจะทำให้มีโอกาสเป็นการยิ่งเพิ่มข้อขัดแย้งให้มากขึ้นไปอีก และอาจจะเป็นการยากต่อการแก้ปัญหา หากเหตุการณ์ครั้งนี้สามารถคลี่คลายลงไปได้เร็ว ประชาชนก็สามารถเดินทางกลับไปประกอบสัมมาอาชีพ ร่วมกันพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง และกองทัพก็จะทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตนเองให้ดีที่สุดต่อไป
วันนี้ (11 ธ.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงถึงกระแสข่าวว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้เข้ามาหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ว่า ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว และทั้ง 3 ท่านที่ถูกกล่าวถึงนั้นไม่มีใครอยู่ในพื้นที่ ร.1 รอ. อีกทั้งไม่มีเหตุผลความจำเป็นจะต้องมีการพบปะกัน และยืนยันว่ากระแสข่าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ จะเข้ามาหารือกับ ผบ.เหล่าทัพเพื่อหาทางออกภายใน ร.1 รอ.ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยปัจจุบันกองทัพบกและทหารทุกคนต่างปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทความรับผิดชอบของตนเองให้ดีที่สุด สำหรับ ผบ.ทบ.ได้กล่าวถึงสถานการณ์ขณะนี้ว่ากองทัพบกจะระมัดระวังอย่างยิ่งเพื่อสนับสนุนให้การแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง เหมาะสมตามขอบเขต โดยไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใดๆ เป็นการส่วนตัวได้
“ผบ.ทบ.ยังคงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รัฐทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชนทุกภาคส่วนในการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด อยากให้ทุกฝ่ายพยายามหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎหมาย การใช้ความรุนแรงหรือการเผชิญหน้ากัน และขอให้ใช้กฎหมาย กฎกติกาของสังคม ทั้งแนวทางด้านนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ รวมทั้งยอมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพราะน่าจะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ ทางกองทัพบกเชื่อว่ามีผู้หวังดีต่อประเทศชาติมากมาย ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงควรร่วมกันแสวงหาทางออกให้ได้โดยสันติวิธี การแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน โดยเฉพาะต่างฝ่ายต่างพยายามชี้ถูกชี้ผิด และต่างมั่นใจในมุมมองของตนเองเป็นหลักย่อมไม่มีทางออก แนวทางที่ดีที่สุดคือ ทุกคนต้องพยายามมองว่าประเทศชาติอยู่ตรงไหน จะทำอย่างไรให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ประชาชนปลอดภัย มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ขัดแย้งกันแบบไม่มีที่สิ้นสุด” รองโฆษก ทบ.กล่าว
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ทุกภาคส่วนควรสนับสนุนให้ประชาชนทุกพวกทุกสีเสนอให้ผู้นำของแต่ละฝ่ายหันหน้ามาร่วมแสวงหาทางออก แก้ไขปัญหาด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีใครได้ทั้งหมด หรือเสียทั้งหมด ดังนั้นน่าจะอยู่ในจุดที่พอดี ซึ่งต่างฝ่ายต่างยอมรับได้ ปัญหาในขณะนี้ควรจะแก้ที่ปัจจุบันให้ยุติ หากนำเหตุการณ์ในอดีตมาอ้างหรือนำพิจารณาร่วมกันจะทำให้มีโอกาสเป็นการยิ่งเพิ่มข้อขัดแย้งให้มากขึ้นไปอีก และอาจจะเป็นการยากต่อการแก้ปัญหา หากเหตุการณ์ครั้งนี้สามารถคลี่คลายลงไปได้เร็ว ประชาชนก็สามารถเดินทางกลับไปประกอบสัมมาอาชีพ ร่วมกันพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง และกองทัพก็จะทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตนเองให้ดีที่สุดต่อไป