“ปึ้งขี้ข้า” อ้างนายกฯ ยุบสภาแล้ว วอนผู้ชุมนุมกลับบ้าน-รักษาประชาธิปไตย

“สุรพงษ์” อ้างนายกฯ ยุบสภาแล้ว วอนประชาชนนักเรียนนิสิตนักศึกษากลับภูมิลำเนา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ รวมทั้งกอบกู้ภาพลักษณ์ประเทศ และช่วยกันรักษาระบอบประชาธิปไตย

เมื่อเวลาประมาณ 11.35 น. วันนี้ (9 ธ.ค.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้กำกับดูแลหน่วยงานของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้แถลงว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภาฯ เพื่อคืนอำนาจให้พี่น้องประชาชนชาวไทย เพื่อประโยชน์สุขความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ อันเป็นที่รักยิ่งของชาวไทยทุกคน ดังนั้น ศอ.รส.ขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวในขณะนี้ ได้ร่วมมือร่วมใจที่จะกลับคืนสู่ภูมิลำเนาของท่าน เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอีกต่อไป รวมทั้งเป็นการกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศชาติให้ฟื้นคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และเป็นการช่วยกันรักษาระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยให้ดำรงไว้

ก่อนหน้านั้นเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ศอ.รส.ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมว่า ทำให้การจราจรติดขัดหลายเส้นทาง มีจุดเดียวที่คลี่คลายปัญหาไปแล้ว คือ บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งถนนนี้เป็นถนนบริเวณคู่ขนานทั้งสองฝั่งยังใช้การได้อยู่ ยกเว้นเลนกลาง ส่วนจุดอื่นๆ จากที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินผ่านไปแล้ว หลายพื้นที่การจราจรคลี่คลายได้ด้วยดี

“ณ บริเวณศูนย์ราชการ และกระทรวงการคลัง ซึ่งเดิมเคยมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินนั้น ได้ถอนกำลังออกไปแล้ว พนักงานสอบสวน ทั้งในส่วนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง และสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ซึ่งรับผิดชอบใน 2 พื้นที่ตามลำดับนั้น ได้เข้าไปทำการตรวจสอบ และกั้นเป็นพื้นที่ไว้ และจะเร่งประสานงานกับส่วนราชการต่างๆ เข้ามาตรวจสอบความเสียหายต่างๆ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

อีกประการหนึ่งครับที่ ศอ.รส.อยากเรียนให้พี่น้องประชาชนรับทราบคือ สถานการณ์ประกาศจับเมื่อคืนที่เราเป็นห่วงและกังวล โดยทั่วไปภาพรวมยังไม่มีประเด็นใดที่เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ยกเว้นเวลาประมาณ 22.00 น. ซึ่งมีใช้คำว่า กลุ่มไม่ทราบฝ่ายประมาณ 6-7 คน มาอยู่ที่บริเวณสะพานอรทัย และใช้หนังสติ๊ก และแท่งเหล็ก ยิงมาที่บริเวณแนวกั้นของตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันเหตุต่างๆ ได้ถอยกลับไปยังเขตของทำเนียบรัฐบาล สถานการณ์ต่างๆ ก็คลี่คลายไปได้

ส่วนเมื่อคืน ในตอนเช้ามืดเวลาประมาณ 02.30 น. ณ จุดตรวจ ถนนพระราม 1 ตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จุดตรวจของกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ได้มีการตรวจค้นรถที่วิ่งมาบนถนนพระราม 1 ขาเข้า วิ่งมาจากแยกราชประสงค์ มุ่งหน้าไปยังเฉลิมเผ่านั้น ปรากฏว่าพบชายคนหนึ่ง ชื่อ นายกำพล พานทอง อายุ 34 ปี จากการสอบสวนให้การว่า เป็นกำนัน ต.พังราด อ.แกลง จ.ระยอง พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนขนาด .45 มม. จำนวน 1 กระบอก แมกกาซีนจำนวน 1 อัน และกระสุน .45 จำนวน 48 นัด บรรจุในลำเพลิง 1 นัด และอยู่ในแม็กกาซีนอีกส่วนหนึ่ง ซองพกหนังกระเป๋าสะพาย เจ้าหน้าที่จุดตรวจดังกล่าว ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน จากคำให้การของคุณกำพล แจ้งว่ากำลังเดินทางไปชุมนุม ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อันนี้จะต้องมีการตรวจสอบไว้ก่อน

เพราะฉะนั้น สิ่งที่ ศอ.รส. อยากฝากนำเรียนพี่น้องประชาชน และฝากไปยังพี่น้องกลุ่มผู้ชุมนุม ณ จุดพื้นที่ต่างๆ ครับ กรุณาช่วยกันเป็นหูเป็นตา และตรวจสอบ สถานการณ์ต่างๆ กำลังคลี่คลายไปได้ด้วยดี กลุ่มผู้ชุมนุมโดยส่วนใหญ่เกือบทุกจุดยังอยู่ในกติกา และชุมนุมเดินด้วยความยิ้มแย้มและเข้าสู่พื้นที่ และมีการทักทายเป็นระยะ กับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเส้นทาง เพียงแต่ว่าที่เราฝากให้ระวังคือ อาจจะมีกลุ่มที่แฝงมาเหมือนที่เราจับได้เมื่อคืน ที่จะเข้าในพื้นที่ชุมนุมจะทำอะไรเราไม่ทราบ และจะมีบางส่วนที่พยายามจะก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นส่วนน้อย แต่ส่วนใหญ่คงมุ่งหวังที่จะให้การชุมนุมนั้นผ่านไปด้วยความสงบ

วันนี้ ศอ.รส.ยังยืนยันตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้ คือ 1. ศอ.รส.ยังมุ่งเน้นที่การเคารพสิทธิ์ และการแสดงออกของประชาชน ในการมีส่วนร่วมทางการเมือง ภายใต้กรอบของกฎหมาย และ ศอ.รส.ยืนยันที่จะดูแลภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลเรื่องการจราจร ดูแลเรื่องสถานที่ราชการที่สำคัญ และป้องกันเหตุแทรกซ้อนต่างๆ คราวนี้ได้มีการยกสภาวะความตึงเครียด โดยเน้นให้เรียกตำรวจเข้าไปสมทบปฏิบัติหน้าที่ในการดูแล ภายในทำเนียบรัฐบาล ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น เพราะฉะนั้นแนวกั้นต่างๆ ที่ทุกถนนทุกจุด ศอ.รส.สั่งให้ถอนหมดนะครับ

ประการต่อมาครับ การระวังเหตุแทรกซ้อนนั้น นอกเหนือจากการมอบหมายให้กับชุดตำรวจจราจรที่ตามประกบขบวนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็วต่างๆ ทุกสถานีที่ผ่าน มุ่งเน้นในการดูแลความปลอดภัยต่างๆ และให้ข้อแนะนำพี่น้องประชาชนในการลุกมาช่วยเหลือ เป็นหูเป็นตา ช่วยดูแล

ส่วนเรื่องการจราจร ขณะนี้ได้มีการติดตามเส้นทางการจราจรเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จราจรลงสู่พื้นที่ทั้งหมด คอยคลี่คลายสถานการณ์ ณ จุดใดที่จำเป็นจะต้องปิดสัญญาณการจราจร แล้วใช้สัญญาณมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมบริเวณสี่แยกต่างๆ คลี่คลายด้วยดี หลายจุด พี่น้องประชาชนที่ชุมนุมเองก็มีส่วนร่วมในการจัดการจราจรด้วย นี่ก็เป็นในแง่ดี เพื่อให้สถานการณ์ต่างๆ ลุล่วงไป

ประการต่อมา สุดท้ายก็คือ วันนี้ท่าน ผอ.ศอ.รส.ยังยืนยันว่า เน้นการสนับสนุนให้มีการแสวงหาทางออกทุกฝ่ายให้เป็นไปโดยสันติวิธี ด้วยจุดมุ่งหมายให้สถานการณ์ต่างๆ ของบ้านเมืองเรานั้นกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดย ศอ.รส.ยังมุ่งเน้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน ทั้งพี่น้องประชาชนที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ พี่น้องประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยบริเวณใกล้เคียงกับการชุมนุม และพี่น้องประชาชนที่ชุมนุม”