ผ่าประเด็นร้อน
หากจะเข้าใกล้ปฏิรูป “ตัวแปรเฉพาะหน้า” เวลานี้ก็คือ ส.ส.ประชาธิปัตย์ทั้งพรรคต้องพร้อมใจกันลาออกมาร่วมกับมวลมหาประชาชน โดยปฏิเสธการเลือกตั้งจนกว่าจะมีการปฏิรูปเกิดขึ้นเสียก่อน!!
อย่างไรก็ดี ขอเว้นวรรคเรื่องดังกล่าวเอาไว้ก่อน หันมาพิจารณาคำประกาศยืนยันออกมาจากปากของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะเลขาฯ กปปส.บนเวทีปราศรัยต่อหน้ามวลมหาประชาชนที่ร่วมกันสู้เมื่อคืนวันที่ 2 ธันวาคม ที่สามารถสรุปสาระสำคัญได้ว่า “เขาจะเดินหน้าต่อสู้ให้ทะลุซอย” นั่นคือการปฏิรูปตามความต้องการและ “เป้าหมาย” ของประชาชนที่ออกมาชุมนุมกันในครั้งนี้ จะหันหลังให้การเมือง ไม่ว่าจะเป็นการลงสมัครรับเลือกตั้งระดับใดก็ตาม ไม่หันหลังกลับไปพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป รวมทั้งย้ำว่าไม่มีใครสั่งเขาได้นอกจากประชาชนเท่านั้น ถ้ามวลมหาประชาชนต้องการแบบไหนเขาจะทำตามแบบนั้น ซึ่งก็คือต้องการนำไปสู่การปฏิรูปด้วยการตั้ง “สภาประชาชน” เท่านั้น
นอกจากนี้ หากจับสัณญาณความหมายให้ดีจะเห็นว่าในตอนท้ายของการปราศรัยของเขายังได้เรียกร้องให้นักการเมืองในสภา ซึ่งรวมถึงสมาชิกวุฒิสภาด้วย ให้เสียสละมาร่วมกับพี่น้องประชาชนตั้งแต่ตอนนี้ “ถ้าไม่มาก็ถือว่าเลิกคบกัน”
แต่ถ้าพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้นคำพูดดังกล่าวน่าจะเจาะจงพุ่งเป้าไปถึง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์โดยตรงว่า ให้พร้อมใจกันลาออกมาได้แล้ว!!
เพราะถ้าพิจารณาจากสถานการณ์ความเป็นจริง การออกมาของมวลมหาประชาชนคราวนี้แม้ว่าจะมหาศาลเพียงใด แต่ยัง “กระเพื่อมไม่เพียงพอ” จนมีพลังที่จะล้ม “ระบอบทักษิณ” ให้หมดสิ้นไปได้ เพราะกระแสร้อนได้ผ่านไปตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นอาจจะยังไม่พร้อมหลายอย่าง ที่สำคัญอาจ “นึกไม่ถึง” หรือคิดว่าถ้าประชาชนออกมาแสดงพลังมากขนาดนั้นก็คงทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยอมลาออกแต่โดยดี แต่กลายเป็นตรงข้ามนอกจากไม่สนใจแล้วยังระดมมวลชนมาสู้และใช้อันธพาลการเมือง รวมถึงใช้กลไก “รัฐตำรวจ” มาทำร้ายประชาชนฝ่ายตรงข้ามดังตัวอย่างเหตุการณ์ “มิคสัญญี” ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นภาพสะท้อนได้ดี
ดังนั้น ต้องอาศัย “แรงกระเพื่อมลูกที่สอง” ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะระดับผู้นำพรรคอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกรณ์ จาติกวณิช สมควรตัดสินใจ “เสียสละ” ออกมานำ ส.ส.ลาออก แล้วประกาศไม่ยอมลงสมัครรับเลือกตั้งจนกว่าจะมีการ “ปฏิรูป” สำเร็จเสียก่อน นี่ต่างหากคือแรงกระเพื่อมที่ “ทรงพลัง” เพื่อหนุนช่วยมวลมหาประชาชนที่กำลังต่อสู้กันอย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่ในเวลานี้ เพราะเชื่อแน่ว่าอีกไม่นานข้างหน้า ระบอบทักษิณ ก็จะ “กดปุ่ม” ให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภา เพราะองค์ประกอบพร้อม นั่นคือพวก “บ้านเลขที่ 109” ที่เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนก่อนพวก “บ้านเลขที่ 111” ได้พ้นโทษออกมาก่อน ดังนั้นถือว่าทั้ง “แถวหนึ่ง-แถวสอง” ได้ออกมาครบ นาทีนี้ถือว่าระบอบทักษิณพร้อมที่สุด และเป็นไปได้สูงว่าเที่ยวนี้จะมีการเปลี่ยนตัวคนที่จะมาเป็นนายกฯใหม่จาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น “คนอื่นในครอบครัว” อาจจะเป็น เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ได้
และถ้าจะว่าไปแล้วนี่คือจังหวะที่พวกเขาพร้อมที่สุดก็ได้ สำหรับการใช้ “เปลือกประชาธิปไตย” ที่ผ่านพิธีกรรมด้วยการเลือกตั้ง เข้ามาสร้างความชอบธรรมใหม่ นำไปสู่การยึดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จกว่าเดิม ดังนั้นหากจะทำให้เป้าหมายการปฏิรูปสำเร็จ ไม่เสียเวลาเปล่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียสละลงมา ด้วยการ “หยุด” การสร้างความชอบธรรมให้กับ “เล่ห์” ยุบสภาของระบอบทักษิณ ด้วยการปฏิเสธการลงสมัครรับเลือกตั้ง จนกว่าจะมีการปฏิรูปเสียก่อน ขณะเดียวกันยังเป็นสร้างความมั่นใจกับบรรดาข้าราชการที่ยังลังเลในตอนนี้ให้ออกมาสนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กดดันให้ “กองทัพ” เข้ามาสนับสนุนประชาชนตาม “กระแสปฏิรูป” จากนั้นก็มาร่วมกันคิดออกแบบ สร้างองค์กรชั่วคราวในช่วง “เปลี่ยนผ่าน”
ดังนั้น ถ้าไม่ให้การต่อสู้ของมวลมหาประชาชนต้องเหนื่อยยากไปกว่านี้ เพราะยังไม่ชนะยังไม่ได้อะไร ซึ่งตัวแปรสำคัญเฉพาะหน้าก็คือพรรคประชาธิปัตย์ และบีบให้กองทัพตามมายืนข้างหลังประชาชน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง!!