กปปส.บุกมหาดไทยสำเร็จแล้ว บรรยากาศชื่นมื่น อนุญาตให้เข้าห้องน้ำ-พักผ่อน บริการผลไม้อร่อย มีครอบครัว อส.ร่วมด้วย อธิบดีกรมการปกครองเผยไม่น่ารุนแรง แต่ระวังมือที่สาม “พงศ์โพยม” เตือนรัฐยุบสภา-ลาออกเท่านั้น ปูด “แรมโบ้อีสาน” ขนฮาร์ดคอร์แดงป่วนรามคำแหงเมื่อคืน “ศิวะ” เตือนคิดให้ดีก่อนใช้ความรุนแรงกับม็อบ
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่กระทรวงมหาดไทย เมื่อเวลา 11.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ที่นำโดย นายคมสัน ทองศิริ เลขาธิการสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และแกนนำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ทั้ง 45 องค์กร กว่า 3 พันคน ได้ล้อมรอบพื้นที่กระทรวงมหาดไทย โดยมีมวลชนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับหน้าที่ประชิดประตูพระยมทางด้านหน้ากระทรวง ซึ่งแกนนำบนรถสั่งการได้ขอร้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เก็บรั้วลวดหนามที่ใช้กั้นขวางตลอดแนวกำแพงรั้วของกระทรวงมหาดไทย
จนกระทั่ง 12.00 น.ผู้ชุมนุมใช้คีมตัดเหล็กตัดโซ่เหล็กที่คล้องกุญแจออก และร่วมกันผลักดันประตูโดยมีบรรดา อส.ตั้งแถวดันไว้ โดยมี นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมการปกครอง และรองอธิบดียืนบัญชาการอยู่แนวหลังแถวของ อส.โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้ไม้เกี่ยวลวดหนามเหนือประตูออก ไม่นานประตูพระยมก็หลุดลงมา และใช้ประตูรั้วทับแนวลวดหนามชั้นที่สองที่กั้นมวลชนและเหยียบทับลวดหนาม มวลชนจึงกรูเข้าไป โดย นายศิริพงษ์ ได้ผลักให้ อส.ตั้งแถวดันกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแถวอีกชั้น แต่ไม่สามารถต้านทานได้ จึงหนีเข้าสู่ตัวอาคารพร้อมปิดประตูทางเข้าอาคาร ขณะที่แกนนำสั่งห้ามผู้ชุมนุมห้ามบุกเข้าไปในตัวอาคารและห้ามทำร้าย อส.เพราะมีครอบครัวมาร่วมชุมนุมกับประชาชนด้วย
ขณะที่ นายศิริพงษ์ กล่าวยอมรับตนจำเป็นต้องผลักดันบรรดา อส.ให้ตั้งแนวป้องกันเพื่อดันไล่กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากกระทรวง แต่เมื่อสู้จำนวนไม่ได้ก็ต้องสั่งถอย ซึ่งก็ไม่เป็นไร เพราะได้คุยกับแกนนำแล้ว มีการรับปากว่าจะไม่ทำลายทรัพย์สินราชการ แต่ขอคุมพื้นที่ไว้เท่านั้น โดยยอมอนุญาตให้ผู้ชุมนุมเข้าพื้นที่ในกระทรวงเพื่อพักผ่อน เข้าห้องน้ำในกระทรวงได้ แต่ขอคงเจ้าหน้าที่ อส.ร่วมดูแลอาคารและทรัพย์สินราชการของกระทรวงไว้ไม่ให้ประชาชนเข้าไปได้ด้วย
อย่างไรก็ตามอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวคาดการณ์ว่าไม่น่าจะมีเหตุรุนแรงใดๆ แต่ก็ไม่ประมาท จะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยยังขอคงรถน้ำดับเพลิงไว้ เพราะเสี่ยงที่จะมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ หรือเผากระทรวงได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าทำหน้าที่เต็มที่แล้ว และคงถึงเวลาที่จะต้องสร้างรั้วประตูของกระทรวงใหม่ เพราะเป็นของเก่าอายุกว่าร้อยปีแล้ว ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีการหักหัวคิวเบี้ยเลี้ยงของ อส.นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะได้เบี้ยเลี้ยงตามอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางมาปิดล้อมกระทรวงมหาดไทยนั้น ปรากฎว่ามี นายพงศ์โพยม วาศภูติ และ นายศิวะ แสงมณี อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่สวมเสื้อฮาวาย กางเกงสแล็ก ห้อยนกหวีดด้วยริบบิ้นลายธงไตรรงค์ ร่วมอยู่ด้วย และได้เดินเข้าไปนั่งที่ม้าหินใต้อาคารกรมการปกครองที่ นายศิริพงษ์ ออกมานั่งอยู่ก่อนแล้ว โดยได้มีการทักทายพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมือง
โดย นายพงศ์โพยม กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า ภาพรวมของการชุมนุมของภาคประชาชนที่รู้ตื่นครั้งนี้ไม่น่ากลัว เพราะมามือเปล่า ไม่มีการใช้อาวุธหรือความรุนแรง ทุกคนมาด้วยใจ ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองที่ดีขึ้น เพราะรัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว ที่ทุกองค์กรต่างต่อต้าน และรัฐบาลเองก็ไม่สามารถบริหารราชการบ้านเมืองได้อีกต่อไปแล้ว วันนี้หากรัฐบาลยืนยันที่จะเจรจากับกลุ่ม กปปส.ไม่น่าจะพอแล้ว ต้องดำเนินการยุบสภา หรือลาออกเท่านั้น ขอแนะนำให้ชิงทำไปก่อนจะดีกว่า เพื่อให้ประชาชนเจ้าของอำนาจตัดสินทางเดินของบ้านเมืองเอง
“เสียหน้านิดหน่อยแต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะเมื่อรัฐบาลไปต่อไม่ได้ก็คืนอำนาจให้ประชาชนดีกว่าใช้ความรุนแรงปราบปราม หรือใช้มวลชนแดง จะซ้ำรอยเหตุการณ์ปี 53 และอย่าหลงผิดใช้ความรุนแรงเหมือนเหตุการณ์ที่ย่านรามคำแหง เมื่อคืนวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยส่วนตัวเข้าใจว่าเป็นสายฮาร์ดคอร์ที่นิยมความรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง พาเข้ามา” นายพงศ์โพยม กล่าว
ขณะที่ นายศิวะ กล่าวว่า คนที่มาร่วมชุมนุมมีอุดมการณ์ทั้งนั้น เรื่องทรัพย์สินคงไม่มีอะไรเสียหาย มวลชนจะควบคุมกันเอง ทุกคนล้วนมีความคิดของตัวเองมีเป้าหมายเดียวกันแล้ว จึงมารวมกันได้ รัฐบาลนี้อยู่ในสภาพที่หมดความชอบธรรมแล้ว คงอยู่ได้ไม่นาน เชื่อว่าต้องมีการตัดสินใจว่าจะทำอะไรสักอย่างต่อไป โดยขอกำชับให้ข้าราชการต้องคำนึง และคิดให้ได้ว่าประชาชนที่ออกมาชุมนุมในครั้งนี้ก็เป็นคนเหมือนกับเจ้าหน้าที่ข้าราชการทุกคน ดังนั้นการคิดใช้ความรุนแรงต่อกัน ควรคิดให้ดีก่อนว่าทำเพื่ออะไร
ส่วนบรรยากาศหลังผู้ชุมนุมได้เข้าไปในพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทยได้แล้วนั้น ก็มีอส.ที่ดูแลความปลอดภัยได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมนำผลไม้มามอบให้กับผู้ชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมก็มอบดอกไม้และนำอาหาร น้ำดื่มไปให้กับบรรดา อส.ที่อยู่ในกระทรวงกว่าพันคน พร้อมขอถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ อส.ร่วมกันเป็นที่ระลึกด้วย ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็ได้หาที่นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย และได้เข้าห้องน้ำของกระทรวงเพื่อทำภารกิจส่วนตัว ขณะที่แกนนำยังคงปราศรัยเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ราชการ อส.หยุดทำงานให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และมาร่วมกับผู้ชุมนุมเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ ต่อไป