ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.นำ “ผู้การแต้ม” และผู้บริหารเขต 2 เขต แถลงโต้ “ปิยะ” เด็กเลี้ยงแกะรายวัน ป้ายสีกล่าวหาขนทรายและน้ำมันช่วยม็อบสร้างสถานการณ์ ยันทรายเอาไปถมจุดน้ำท่วมขังตรอกซอยรอบอนุสาวรีย์ ปชต.ส่วนน้ำมันเตรียมเอาไปเติมเครื่องสูบน้ำที่วัดสามพระยา ไม่ใช่เครื่องปั่นไฟ
วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 15.30 น. น.ส.ตรีดาว อภัยวงค์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตพระนคร และผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แถลงข่าวกรณีที่ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้แถลงข่าวในวันเดียวกันนี้เวลา 11.00 น.ว่า คืนที่ผ่านมา (28 พ.ย.) เวลา 23.00 น.ตำรวจสายตรวจ สน.นางเลิ้ง พบรถบรรทุกขนาดใหญ่ของสำนักงานเขตพื้นที่ กทม.วิ่งจากแยกยมราช ผ่าน ถ.จักรพรรดิพงษ์ ถ.หลานหลวง มุ่งไปยังพื้นที่การชุมนุมเห็นว่ามีความผิดปกติจึงเข้าตรวจค้น พบภายในบรรจุถุงทราย 250 ถุง และแกลลอนน้ำมันบรรจุเต็ม 4 แกลลอน จากการสอบปากคำคนขับรถให้การว่า จะนำทรายไปถมน้ำขังบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และนำน้ำมันไปเติมเครื่องปั่นไฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา และให้นำรถไปจอดไว้ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า ทั้งนี้ ศอ.รส สันนิษฐานว่า อุปกรณ์ดังกล่าวจะถูกนำไปให้มวลชนใช้เพื่อปีนเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม และสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง
น.ส.ตรีดาว กล่าวว่า กรุงเทพมหานครขอเรียนชี้แจงว่า คำแถลงของโฆษก ศอ.รส.ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของเจ้าหน้าที่ และข้าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งรถดังกล่าวเป็นรถของสำนักงานเขตพระนคร ที่วิ่งอยู่ในพื้นที่ สำหรับทรายที่อยู่บนรถบรรทุกเป็นทรายที่จะนำไปถมบริเวณที่น้ำท่วมขังในตรอก ซอก ซอยบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมถึงกระถางต้นไม้ที่ผู้ชุมนุมทิ้งเศษขยะไว้เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อโรคและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่
ส่วนแกลลอนน้ำมันบรรจุเต็ม 4 แกลลอนนั้น เนื่องจากรถของกรุงเทพมหานครต้องไปเติมน้ำมันที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง แต่ในวันดังกล่าวรถติดมาก และจะต้องนำรถมาประจำการ เนื่องจากในช่วงนี้มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังหรือมีปริมาณน้ำล้นเอ่อ สำนักงานเขตพระนครได้สั่งการให้เตรียมเครื่องสูบน้ำไว้บริเวณวัดสามพระยา จึงเตรียมน้ำมันดังกล่าวเพื่อเติมเครื่องสูบน้ำ ไม่ใช่เครื่องปั่นไฟ และจากเหตุการณ์ดังกล่าว ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครก็ได้ให้ความร่วมมืออย่างดี ในการนำรถไปจอดไว้ใต้สะพานพระปิ่นเกล้าตามปกติ และไม่ได้ดำเนินคดีแต่อย่างใด