หลังสัตย์สาบานของ “สุเทพ” เส้นทางปฏิวัติโดยมวลมหาประชาชนก็เริ่มต้น!!

ผ่าประเด็นร้อน

คำประกาศของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” แม่ทัพใหญ่ของ “ขบวนการโค่นระบอบทักษิณ” เมื่อค่ำวันที่ 26 พศจิกายนที่ผ่านมา หรืออาจเรียกได้ว่า “คำสัตย์สาบาน” ของเขาก็ได้ เพราะได้พูดต่อหน้าพระ ต่อเบื้องพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ต้องการให้มีการปฏิวัติโดยมวลมหาประชาชน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดนัาน คือ การสร้างประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ โดยยึดเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง

การประกาศดังกล่าวที่เป็นหลักการกว้างๆจำนวน 5-6 ข้อซึ่งความหมายไม่ต่างจาก “พิมพ์เขียว” ประเทศไทยในอนาคต ขณะเดียวกันมันก็คือเป้าหมายเพื่อนำไปสู่ “การปฏิรูป” ครั้งใหญ่ โดยภาคประชาชนผ่านทาง “สภาประชาชน” ที่มาจากทุกหมู่เหล่า

และสิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ การประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆ หากมีการโค่นล้มระบอบทักษิณ ได้สำเร็จ รวมไปถึง “ไม่ใช่การเปลี่ยนขั้ว” เพื่อให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นนายกรัฐมนตรี

นี่คือจุด “ทะลวง” ความกังขา-ความลังเล และตะขิดตะขวงใจของมวลชนอีกจำนวนมากก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ออกมา หรือออกมาก็ยัง “ไม่เต็มร้อย” แต่จากคำสัตย์สาบานเมื่อคืนดังกล่าวของ สุเทพ ทำให้ทุกอย่างเดินหน้าได้ “เกินร้อย” หรือเกินล้าน “เดินหน้าเต็มตัว” ทันที

เพราะนี่คือ “เป้าหมายร่วม” ของมวลชนที่ไปไกลเกินกว่าที่จะหยุดอยู่แค่ “ยุบสภา-ลาออก” เท่านั้น และที่สำคัญการออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนนคราวนี้นอกจากเป็น “อารมณ์สุดทน” แล้ว ยังเป็นความรู้สึก “ตื่นรู้” ที่เกิดจากการ “สะสม” มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และคราวนี้จะเป็นครั้งแรกของการชุมนุมที่ “มวลชนจะเป็นคนกำหนดทิศทาง” ข้างหน้าให้เดิน ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าจะ “ไม่เสียเวลากลางทางเด็ดขาด” และเชื่อว่านาทีนี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ร่วมกินนอนกับมวลชน และหลังจากนี้จะได้เห็นพลังของประชาชนที่ปกป้องยอมตายกับเขาในการต่อสู้ยิ่งทำให้ “สุขใจ” แม้จะเหนื่อยยากแสนสาหัสแค่ไหน แต่นี่คือพลังบริสุทธิ์ที่เขาได้รับอย่างจริงใจ ไม่มีการต่อรองเรื่องผลประโยชน์เหมือนกับที่เขาเคยเจอในทางการเมือง

หากพิจารณาจากเมื่อค่ำวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่เขาประกาศให้สัตย์สาบานว่าจะเดินหน้าเพื่อการปฏิรูปประชาธิบไตยใหม่ โดยพลังของประชาชน แน่นอนว่าย่อม “ตกผลึก” ต่อเนื่องมาจากวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ได้เห็น “คลื่นมหาประชาชน” ที่มาร่วมกันสร้างวันประวัติศาสตร์ ในวันนั้นคงทำให้เขาสุขใจและมั่นใจแล้วสำหรับ “เส้นทางใหม่” ซึ่งนับจากนี้จะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว และตัวเขาก็จะไม่เป็นตัวของตัวเอง เนื่องจากมีความศรัทธาของมหาชนดันอยู่ข้างหลัง

ที่สำคัญเหนืออื่นใดก็คือ มวลมหาประชาชนที่ว่านี้เป็น “พลังที่ตื่นรู้” ผ่านประสบการณ์ต่อสู้แบบต่อเนื่องยาวนาน และมีไม่น้อยที่เพิ่งได้รับประสบการณ์ใหม่ แล้วมาหลอมรวมกันจนกลายเป็นจำนวน “มหาศาล” ซึ่งแม้ว่าจะมีการถกเถียงกันว่ามวลชนที่ออกมาในวันที่ 24 พฤศจิกายนว่ามีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ แต่ถ้าพิจารณาด้วยสายตาที่ไม่มืดบอดแบบบ้าคลั่งก็ย่อมปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า “มากมายเป็นประวัติศาสตร์” ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่มีการชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทย

ปรากฏการณ์แบบนี้แหละที่ทำให้คนอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ มีความสุขที่สุดในชีวิต และเชื่อว่าคนที่ผ่านมาเหตุการณมามากมายสำหรับเขาคงจะ “เลือกได้” แล้วว่าจะเดินไปในอนาคตในเส้นทางใด เพราะอดีตจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่เส้นทางข้างหน้าเชื่อว่าหากเขาเลือกเดินไปกับประชาชนอย่างที่เห็นตอนนี่ก็น่าจะมีความสุขที่สุด

ขณะเดียวกัน เส้นทางปฏิวัติหรือปฏิรูปโดยมวลชนกำลังเริ่มต้นครั้งใหญ่เช่นเดียวกัน!!