รายงานการเมือง/แสงตะวัน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ก่อนหน้านี้ก็มีคนนินทาหมาดูถูกตลอดว่าเป็นบาเตอร์เทรด ผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างนายใหญ่หนีคดี ทักษิณ ชินวัตร กับ พวกลิ่วล้อ ส.ว.อีตัวขายจิตวิญญาณ
บ่ายโมงเศษ วันที่ 20 พ.ย. 2556 ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์พิจารณากรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ที่สมาชิกรัฐสภาร่วมกันชำเรากันกระหน่ำกันคนละทีสองที ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งวันมีขบวนการขัดขวางอารยะขัดขืน ประกาศจาก ส.ส.และ ส.ว.312 คน ที่ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลไม่รับคำตัดสินใดๆ
และดูเหมือนว่าจะเป็นขบวนการที่สอดรับต่อเนื่องคนเสื้อแดงโดยการนำของแกนนำนปช.เผาเมืองก็ออกมาปลุกระดมมวลชนว่าจ้างกันมาจากต่างจังหวัดไปอัดกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถานไม่มีนัยยะเป็นอื่นนอกจากข่มขู่และเตรียมคุกคามศาลรัฐธรรมนูญหากผลตัดสินออกมาเป็นลบต่อรัฐบาล พรรคเพื่อไทยและเครือข่ายควายแดง
นาทีลุ้นระทึกอยู่ที่คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่เครือข่ายเพื่อไทย นายใหญ่หลบหนีคดี และปูกรรเชียง ยังมองโลกแง่ดีว่า ผลออกมาเป็นบวกแน่ๆเอาเข้าจริงไม่ใช่อย่างนั้น
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 6:3 เห็นกว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และมีมติ 5:4 เห็นว่าเนื้อหาสาระขัดและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญสรุปว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว.ตกไป
เนื่องจาก 1. ร่างที่เสนอให้สภาพิจารณามีการสอดไส้ต่างจากร่างที่ยื่นต่อสำนักเลขาธิการสภาโดยไม่แจ้ง ทั้งๆ ที่เนื้อหาสาระแตกต่างกัน แสดงว่ามีเจตนาปกปิด 2. การอภิปราย เสียงข้างมากตัดสิทธิการอภิปรายเสียงข้างน้อยเป็นการใช้อำนาจเสียงข้างมากโดยมิชอบ 3. ลงคะแนนเสียงโดยมิชอบกดบัตรแทน ซึ่งมีหลักฐานประจักษ์ และ 4. แก้รัฐธรรมนูญให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด การให้ สามี ภรรยา ลูกเมียเป็น ส.ว.ได้ และไม่จำกัดวาระขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญเรื่องการถ่วงดุลอำนาจ
แทบจะผิดทุกถ้อยกระทงความที่มีการยื่นเรื่องร้องเรียนไปมีเพียงอย่างเดียวที่ไม่สมใจสายฮาร์ดคอร์คือ “ยุบพรรคการเมือง ตัดสิทธิ ส.ส.”
คนเสื้อแดงที่นิยมบริโภคหญ้ามากกว่าข้าวได้ฟังเสร็จก็เฮลั่นทันที เพราะลุ้นแค่อย่างเดียวพรรคจะโดนยุบหรือไม่ ไม่รู้ว่าผลที่จะตามมาเป็นอย่างไร
เมื่อคำตัดสินออกมาแบบนี้คงต้องติดตามกระบวนการที่กำลังเดินอยู่เมื่อมันผิดหมดแล้วจะทู่ซี้ต่อไปอย่างนั้นหรือ
เผอิญว่ากระบวนการตอนนี้ทูลเกล้าฯ ไปแล้ว จะทำอย่างไร ตอนนั้นรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย รวมทั้งปูสมองกลวงทำเป็นเท่ ทำเป็นแน่ ทูลเกล้าฯ ไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานวันนี้งานเข้าแล้วต้องมาสุมหัวนั่งคิด ทางแรกก็ต้องไปหาทางถอนออกมา ไม่ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
ประเด็นนี้รับประกันซ่อมฟรีเจอฝ่ายต่อต้านจี้เช้าจี้เย็นจนไม่แป็นอันทำอะไรแน่หรืออีกแนวทางก็กล้าๆ วางเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ถือว่าทูลเกล้าฯไปแล้วปล่อยคาไว้อย่างนั้น!!
ไม่ว่าอย่างไรกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาส.ว.ถือว่าแท้งไปแล้วไม่มีโอกาสได้เกิด พวก ส.ว.เลือกตั้งจ๋อยสนิท ไม่มีโอกาสลงเลือกตั้งอีกสมัยต่อเนื่อง บางคนวางแผนสืบทอดอำนาจไว้แล้วหาเสียงกันเป็นวรรคเป็นเวรแล้ว สมน้ำหน้ามั้ยล่ะครับท่าน!!
หากย้อนไปดูกระบวนการแก้ไขตั้งแต่วาระ 1-2-3 ก็จะพบเห็นสิ่งผิดปกติมากมายโดยเสียงข้างมากทำอะไรกันตามอำเภอใจไม่ฟังเสียงทัดทานของเสียงข้างน้อย “กูจะเอาอย่างนี้ใครจะทำไม” เผด็จการรัฐสภาขี้ข้าทักษิณเชื้อลุกลามมาเป็นระยะเวลานานตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้ามา ทำเหมือนประเทศนี้เป็นของกูแต่เพียงฝ่ายเดียว...!!!
แต่ละข้อแต่ละเหตุผลที่ศาลหยิบมาชำแหละเหมือนตบหน้าด้วยฝ่าเท้า ฝ่ายเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญฟังไปก็สะดุ้งไป นี่กูเลวถึงขนาดนั้นเชียวหรือ!?! บางครั้งบางทีเวลาทำไปมันก็มีอะไรมาบังตาไม่รู้ว่าเงินยัดเข้าปากไปเยอะจนทำอะไรแบบไม่รู้ดีหรือชั่วหรือไม่วันนี้มาสำนึกผิดมันก็สายเสียแล้ว
นายใหญ่ที่บัญชาการกดปุ่มจากดูไบจำเป็นต้องใช้กลไกของ ส.ว.ผ่านร่างกฎหมายต่างๆนำไปสู่การสวาปามประเทศ และยึดครองอำนาจยาวนาน โดยเฉพาะร่างกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน2 ล้านล้านบาท กฎหมายบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทช่วยกันอุ้มกระเตงไป แม้ว่ามันจะฉาวโฉ่เลวร้ายแค่ไหนก็ต้องหลับหูหลับตาผ่านให้รัฐบาล
เพราะเป็นเหมือนท่อน้ำเลี้ยงสำคัญที่จะได้ทั้งเงินทั้งกล่อง และก็ผลประโยชน์ไปหารกัน
นอกจากต้องจ่ายปัจจัยเป็นจ็อบๆแล้วยังต้องหาทางสืบทอดอำนาจให้ ส.ว.เหล่านี้คงอยู่รับใช้ต่อไปและเป็นความต้องการอย่างยิ่งของ ส.ว.เหล่านี้ที่ขอมีอำนาจต่อเพื่อหาเงินกันแบบง่ายๆ ด้วยการเป็น ส.ว.อีกสมัย หลายสมัย เป็นไปจนแก่ตายด้วยการปลดล็อกแก้ไขรัฐธรรมนูญมันเสีย หรือกระทั่งถ้าไม่ไหวตายไปก็เอาลูก เมียมาเป็นต่อ ให้โคตรเหง้าสักหลาดรากงอกแทงทะลุเก้าอี้ในสภา!!
การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้หลายฝ่ายออกมาขานรับแทบจะในทันทีอย่างน้อยก็ทำให้เสียงข้างน้อยในสภามีความหมาย ไม่ปล่อยให้เสียงข้างมากย่ามใจ ทำอะไรตามอำเภอใจเหมือนที่ผ่านๆ มา
ไม่ปล่อยให้เสียงข้างมากแก้กฎกติกาเพื่อเอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกน้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติ และหลักการที่ควรจะเป็นส.ว.เลือกตั้งที่เตรียมสืบทอดอำนาจ ฝันสลายไปตามๆ กัน แต่กฎหมายนี้ฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่เจ็บปวดเท่าไหร่
แต่น่าสนใจอย่างยิ่งว่ากฎหมายอื่นๆที่มีการร้องคาศาลรัฐธรรมนูญเอาไว้อยู่ขณะนี้ ผลการตัดสินในลำดับถัดไปจะเป็นเช่นไรแต่ที่แน่ๆ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายพรรคเพื่อไทย ก้นร้อนนั่งไม่ติดถ้าหากคำวินิจฉัยออกมาในรูปแบบลักษณะนี้ก็ฝ่าด่านปลดล็อกลำบากหลายกฎหมายรัฐบาลใช้วิธีการย่ามใจ “ลักไก่” ปิดอภิปราย ปิดปากเสียงข้างน้อยใช้จนเป็นสันดาน ใช้เป็นวิธีการรวบรัดตามใจฉันสุ่มเสี่ยงที่กฎหมายทั้งหมดทั้งปวงจะตกไปอาจทำให้เสียจริตคิดแผนก่อการที่ไม่สุจริต เพื่อล้มล้างอำนาจศาล ล้มล้างระบบที่มันขวางมือขวางเท้าฝ่ายตัวเอง ด้วยมโนสำนึกถ่อยเถื่อน
และน่าสนใจว่าหลังจากนี้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย รวมทั้งเครือข่ายคนเสื้อแดง จะกล้าเสนอกฎหมายอื่นใดหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นอื่นๆ หรือไม่ เช่นมาตรา 68 และ 237 เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอทางตันแน่นอน
ต้องจับตาปฏิบัติการของฝ่ายรัฐบาลที่กุมอำนาจอยู่ตอนนี้จะใช้วิธีชั่วช้าสามานย์อะไรอีก!!!
การแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ก่อนหน้านี้ก็มีคนนินทาหมาดูถูกตลอดว่าเป็นบาเตอร์เทรด ผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างนายใหญ่หนีคดี ทักษิณ ชินวัตร กับ พวกลิ่วล้อ ส.ว.อีตัวขายจิตวิญญาณ
บ่ายโมงเศษ วันที่ 20 พ.ย. 2556 ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์พิจารณากรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ที่สมาชิกรัฐสภาร่วมกันชำเรากันกระหน่ำกันคนละทีสองที ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งวันมีขบวนการขัดขวางอารยะขัดขืน ประกาศจาก ส.ส.และ ส.ว.312 คน ที่ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลไม่รับคำตัดสินใดๆ
และดูเหมือนว่าจะเป็นขบวนการที่สอดรับต่อเนื่องคนเสื้อแดงโดยการนำของแกนนำนปช.เผาเมืองก็ออกมาปลุกระดมมวลชนว่าจ้างกันมาจากต่างจังหวัดไปอัดกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถานไม่มีนัยยะเป็นอื่นนอกจากข่มขู่และเตรียมคุกคามศาลรัฐธรรมนูญหากผลตัดสินออกมาเป็นลบต่อรัฐบาล พรรคเพื่อไทยและเครือข่ายควายแดง
นาทีลุ้นระทึกอยู่ที่คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่เครือข่ายเพื่อไทย นายใหญ่หลบหนีคดี และปูกรรเชียง ยังมองโลกแง่ดีว่า ผลออกมาเป็นบวกแน่ๆเอาเข้าจริงไม่ใช่อย่างนั้น
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 6:3 เห็นกว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และมีมติ 5:4 เห็นว่าเนื้อหาสาระขัดและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญสรุปว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว.ตกไป
เนื่องจาก 1. ร่างที่เสนอให้สภาพิจารณามีการสอดไส้ต่างจากร่างที่ยื่นต่อสำนักเลขาธิการสภาโดยไม่แจ้ง ทั้งๆ ที่เนื้อหาสาระแตกต่างกัน แสดงว่ามีเจตนาปกปิด 2. การอภิปราย เสียงข้างมากตัดสิทธิการอภิปรายเสียงข้างน้อยเป็นการใช้อำนาจเสียงข้างมากโดยมิชอบ 3. ลงคะแนนเสียงโดยมิชอบกดบัตรแทน ซึ่งมีหลักฐานประจักษ์ และ 4. แก้รัฐธรรมนูญให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด การให้ สามี ภรรยา ลูกเมียเป็น ส.ว.ได้ และไม่จำกัดวาระขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญเรื่องการถ่วงดุลอำนาจ
แทบจะผิดทุกถ้อยกระทงความที่มีการยื่นเรื่องร้องเรียนไปมีเพียงอย่างเดียวที่ไม่สมใจสายฮาร์ดคอร์คือ “ยุบพรรคการเมือง ตัดสิทธิ ส.ส.”
คนเสื้อแดงที่นิยมบริโภคหญ้ามากกว่าข้าวได้ฟังเสร็จก็เฮลั่นทันที เพราะลุ้นแค่อย่างเดียวพรรคจะโดนยุบหรือไม่ ไม่รู้ว่าผลที่จะตามมาเป็นอย่างไร
เมื่อคำตัดสินออกมาแบบนี้คงต้องติดตามกระบวนการที่กำลังเดินอยู่เมื่อมันผิดหมดแล้วจะทู่ซี้ต่อไปอย่างนั้นหรือ
เผอิญว่ากระบวนการตอนนี้ทูลเกล้าฯ ไปแล้ว จะทำอย่างไร ตอนนั้นรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย รวมทั้งปูสมองกลวงทำเป็นเท่ ทำเป็นแน่ ทูลเกล้าฯ ไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานวันนี้งานเข้าแล้วต้องมาสุมหัวนั่งคิด ทางแรกก็ต้องไปหาทางถอนออกมา ไม่ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
ประเด็นนี้รับประกันซ่อมฟรีเจอฝ่ายต่อต้านจี้เช้าจี้เย็นจนไม่แป็นอันทำอะไรแน่หรืออีกแนวทางก็กล้าๆ วางเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ถือว่าทูลเกล้าฯไปแล้วปล่อยคาไว้อย่างนั้น!!
ไม่ว่าอย่างไรกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาส.ว.ถือว่าแท้งไปแล้วไม่มีโอกาสได้เกิด พวก ส.ว.เลือกตั้งจ๋อยสนิท ไม่มีโอกาสลงเลือกตั้งอีกสมัยต่อเนื่อง บางคนวางแผนสืบทอดอำนาจไว้แล้วหาเสียงกันเป็นวรรคเป็นเวรแล้ว สมน้ำหน้ามั้ยล่ะครับท่าน!!
หากย้อนไปดูกระบวนการแก้ไขตั้งแต่วาระ 1-2-3 ก็จะพบเห็นสิ่งผิดปกติมากมายโดยเสียงข้างมากทำอะไรกันตามอำเภอใจไม่ฟังเสียงทัดทานของเสียงข้างน้อย “กูจะเอาอย่างนี้ใครจะทำไม” เผด็จการรัฐสภาขี้ข้าทักษิณเชื้อลุกลามมาเป็นระยะเวลานานตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้ามา ทำเหมือนประเทศนี้เป็นของกูแต่เพียงฝ่ายเดียว...!!!
แต่ละข้อแต่ละเหตุผลที่ศาลหยิบมาชำแหละเหมือนตบหน้าด้วยฝ่าเท้า ฝ่ายเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญฟังไปก็สะดุ้งไป นี่กูเลวถึงขนาดนั้นเชียวหรือ!?! บางครั้งบางทีเวลาทำไปมันก็มีอะไรมาบังตาไม่รู้ว่าเงินยัดเข้าปากไปเยอะจนทำอะไรแบบไม่รู้ดีหรือชั่วหรือไม่วันนี้มาสำนึกผิดมันก็สายเสียแล้ว
นายใหญ่ที่บัญชาการกดปุ่มจากดูไบจำเป็นต้องใช้กลไกของ ส.ว.ผ่านร่างกฎหมายต่างๆนำไปสู่การสวาปามประเทศ และยึดครองอำนาจยาวนาน โดยเฉพาะร่างกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน2 ล้านล้านบาท กฎหมายบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทช่วยกันอุ้มกระเตงไป แม้ว่ามันจะฉาวโฉ่เลวร้ายแค่ไหนก็ต้องหลับหูหลับตาผ่านให้รัฐบาล
เพราะเป็นเหมือนท่อน้ำเลี้ยงสำคัญที่จะได้ทั้งเงินทั้งกล่อง และก็ผลประโยชน์ไปหารกัน
นอกจากต้องจ่ายปัจจัยเป็นจ็อบๆแล้วยังต้องหาทางสืบทอดอำนาจให้ ส.ว.เหล่านี้คงอยู่รับใช้ต่อไปและเป็นความต้องการอย่างยิ่งของ ส.ว.เหล่านี้ที่ขอมีอำนาจต่อเพื่อหาเงินกันแบบง่ายๆ ด้วยการเป็น ส.ว.อีกสมัย หลายสมัย เป็นไปจนแก่ตายด้วยการปลดล็อกแก้ไขรัฐธรรมนูญมันเสีย หรือกระทั่งถ้าไม่ไหวตายไปก็เอาลูก เมียมาเป็นต่อ ให้โคตรเหง้าสักหลาดรากงอกแทงทะลุเก้าอี้ในสภา!!
การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้หลายฝ่ายออกมาขานรับแทบจะในทันทีอย่างน้อยก็ทำให้เสียงข้างน้อยในสภามีความหมาย ไม่ปล่อยให้เสียงข้างมากย่ามใจ ทำอะไรตามอำเภอใจเหมือนที่ผ่านๆ มา
ไม่ปล่อยให้เสียงข้างมากแก้กฎกติกาเพื่อเอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกน้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติ และหลักการที่ควรจะเป็นส.ว.เลือกตั้งที่เตรียมสืบทอดอำนาจ ฝันสลายไปตามๆ กัน แต่กฎหมายนี้ฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่เจ็บปวดเท่าไหร่
แต่น่าสนใจอย่างยิ่งว่ากฎหมายอื่นๆที่มีการร้องคาศาลรัฐธรรมนูญเอาไว้อยู่ขณะนี้ ผลการตัดสินในลำดับถัดไปจะเป็นเช่นไรแต่ที่แน่ๆ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายพรรคเพื่อไทย ก้นร้อนนั่งไม่ติดถ้าหากคำวินิจฉัยออกมาในรูปแบบลักษณะนี้ก็ฝ่าด่านปลดล็อกลำบากหลายกฎหมายรัฐบาลใช้วิธีการย่ามใจ “ลักไก่” ปิดอภิปราย ปิดปากเสียงข้างน้อยใช้จนเป็นสันดาน ใช้เป็นวิธีการรวบรัดตามใจฉันสุ่มเสี่ยงที่กฎหมายทั้งหมดทั้งปวงจะตกไปอาจทำให้เสียจริตคิดแผนก่อการที่ไม่สุจริต เพื่อล้มล้างอำนาจศาล ล้มล้างระบบที่มันขวางมือขวางเท้าฝ่ายตัวเอง ด้วยมโนสำนึกถ่อยเถื่อน
และน่าสนใจว่าหลังจากนี้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย รวมทั้งเครือข่ายคนเสื้อแดง จะกล้าเสนอกฎหมายอื่นใดหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นอื่นๆ หรือไม่ เช่นมาตรา 68 และ 237 เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอทางตันแน่นอน
ต้องจับตาปฏิบัติการของฝ่ายรัฐบาลที่กุมอำนาจอยู่ตอนนี้จะใช้วิธีชั่วช้าสามานย์อะไรอีก!!!