ผ่าประเด็นร้อน
นาทีนี้ต่อให้กองกำลังเสื้อแดงมากมายกว่านี้ สามารถระดมกันเข้ามาเพื่อปกป้องคุ้มครองรัฐบาล หรือมาเพื่อภารกิจเฉพาะหน้า นั่นคือเจตนาข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาในประเด็นที่อาจมีผลกระทบต่อสถานะตัวเอง หรือข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม หรือล่าสุดยังเตรียมเสนอ “ร่างพระราชบัญญัติกำลังสำรอง”ที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซ้อนขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากคิดว่ามีกองกำลังแบบนี้สามารถคุ้มครองอำนาจของตัวเองได้ตลอดไป
ความคิดในลักษณะแบบนี้ ความเคลื่อนไหวในลักษณะแบบนี้รับรองว่าคิดผิดถนัด เพราะต่อให้มีกำลังมากมายมหาศาลกว่านี้ มันก็ “เอาไม่อยู่” และที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างให้เห็นมากมายทั้งในประเทศเราเองหรือในต่างประเทศ
ตราบใดก็ตามที่รัฐบาล ผู้นำรัฐบาล และรัฐมนตรี “ทรยศต่อความไว้วางใจ”ของประชาชน ไม่ได้บริหารบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่แล้วละก็ ตรงกันข้ามกลับบริหารเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ทุจริต ฉ้อฉล เหมือนกับที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังเป็นอยู่ จนเกิดกระแสต่อต้านลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ จนสถานะมีแต่ “เสื่อมถอยลง” ทุกวัน นั่นเพราะคนที่เคยสนับสนุนเริ่มถอยห่าง คนที่เคย “อยู่เฉย” ก็ออกมาต่อต้าน ดังเห็นได้จากกรณีร่วมกันต่อต้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมสุดซอย จนทำให้ต้องถอยกรูดชั่วคราวเพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อน แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่ “สังคมได้เห็น” ก็คือ นี่คือ “ธาตุแท้ ตัวตน”ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นน้องสาวตัวเอง เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าทำเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องและคนในครอบครัวพวกเขาทั้งสิ้น ทำได้แม้กระทั่งทรยศกับคนกันเองอย่างคนเสื้อแดงที่สูญเสียชีวิต บาดเจ็บและต้องถูกดำเนินคดี กลายเป็นว่าคนพวกนี้ “ถูกจับเป็นตัวประกัน” ตลอดเวลา แต่สำหรับกรณีนี้บางครั้งมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะบางครั้งขึ้นอยู่กับ “ระดับสติปัญญา” และการเรียนรู้สรุปบทเรียน หากยังเชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวนี้เป็นนักบุญและทำธุรกิจเพื่อการกุศล ไม่ได้หวังกำไรไม่เอาเข้ากระเป๋าตัวเอง นำความมั่งคั่งมาสู่คนเสื้อแดง จนถึงขั้นต้องเอาชีวิตเข้าแลกให้ต่อไป มันก็ช่วยไม่ได้ ต้องปล่อยให้มันเป็นไป
แต่ในสภาพที่เป็นอยู่ ในความเป็นจริงก็คือ รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่อยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ กำลังดิ้นรนทุกทางเพื่อ “ซื้อเวลา” ออกไปให้นานที่สุดเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการสร้าง “ฐานะความมั่นคง” แต่อย่างใด เนื่องจากเวลานี้ได้ “หมดความชอบธรรม” จากสังคมไปแล้ว
สิ่งที่เห็นในเวลานี้ เช่นกำลังสั่งให้พวกแกนนำเสื้อแดงระดมมวลชนเข้ามา ทางหนึ่งก็คือมีเจตนาข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญที่กำลัง “มีวาระตัดสินสำคัญ” ในวันที่ 20 พฤศจิกายน รวมไปถึงการแสดงพลังเพื่อสนับสนุนรัฐบาล หรือแม้กระทั่งให้กลไกรัฐในการ “กำจัด” ฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะมาในรูปแบบการขู่ดำเนินคดีกับคนที่แสดงอาการ “ต่อต้าน” ไม่ว่าจะเป็นระดับแกนนำหรือระดับมวลชนก็ตาม
นอกจากนี้ ในความพยายามยื้อ โยกโย้ของประธานรัฐสภา สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ที่คุยโม้ว่า “เป็นจอมวางแผนชั่ว”ให้ ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวรักษาอำนาจเบ็ดเสร็จ ก็ยังไม่ยอมรับและบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านง่ายๆ เนื่องจากเวลานี้วุฒิสภากำลังพิจารณาร่างกฎหมาย “โคตรกู้” 2 ล้านล้านบาทอยู่ อย่างน้อยก็ต้องรอให้ผ่านไปก่อน เผื่อเหลือเผื่อขาดเปิดช่องเอาไว้หากมีการยุบสภาในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากมีวาระซักฟอกเมื่อใด นายกฯ ก็จะยุบสภา “สะบัดก้น” ไปไม่ได้
อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรับรองได้ว่า ไม่ใช่ลักษณะอาการที่แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของฝ่ายรัฐบาลอย่างแน่นอน ตรงกันข้าม นี่คือภาพของ “การดิ้นรน”เพื่อต้องการยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุดเท่านั้น และภาพที่พยายามตบตาให้เห็นดังกล่าวนั้น มันก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึง “ความกลัว” เพราะยิ่งพยายามกำจัดฝ่ายตรงข้ามมากเท่าใด มันก็ยิ่งเพิ่มความชิงชังรังเกียจ กลายเป็นตัวเร่งให้ออกมาต่อต้านมากกว่าเดิม ดังนั้น ถ้าบอกว่านาทีนี้ระบอบทักษิณกำลังดิ้นรนเฮือกสุดท้าย ก็ไม่น่าจะเกินความจริงมากนัก!!
