00 วันที่ 20 พ.ย. วันที่ศาลรธน.นัดพิจารณาเรื่องการแก้ไขรธน.เกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. ว่ากระทำผิดกม.หลายกระทงหรือไม่ เอาเป็นว่าถ้าศาลชี้ว่าผิด ผลที่ตามมาก็น่าจะ "สร้างแรงสั่นสะเทือน" กับรัฐบาลและ "ระบอบทักษิณ" พอสมควร ส่วนจะถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ ไม่อยากเดาล่วงหน้า อย่างไรก็ดี เมื่อผลที่ออกมาอาจสร้างผลกระทบใหญ่หลวง มันก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวของฝั่ง ทักษิณ ชินวัตร ที่ระดมคนเสื้อแดงเข้ามากันอย่างคึกคัก เป้าหมายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่ามี "เจตนาซ่อนเร้น" ต้องการ "ข่มขู่" ตุลาการศาลรธน. ไม่ให้ตัดสินไปในทางลบกับตัวเอง บรรยากาศมีความเครียดพอสมควร ที่สำคัญเวลานี้ หากทอดสายตาออกไปก็ต้องยอมรับว่า "ศาลโดดเดี่ยว" เพราะไม่ได้รับความคุ้มครองเท่าที่ควร นั่นคือ "ตำรวจไม่ทำหน้าที่" เนื่องจากเวลานี้กลายเป็นพวก "มะเขือเทศ" รับใช้ระบอบทักษิณ แทบจะหมดสิ้นแล้ว
00 ความเคลื่อนไหวข่มขู่ที่แม้ว่ายังไม่อาจรู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ นั่นคือ การข่มขู่ทั้งตัวตุลาการ รวมไปถึงครอบครัวของตุลาการ มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และที่ผ่านมาตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ กรณีของ วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรธน. แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ตุลาการแต่ละท่านจะ "เข้มแข็ง" ได้แค่ไหน ซึ่งเรื่องแบบนี้หนักหนาสาหัสไม่เบา และเป็นภัยมืดที่บางครั้งเปิดเผย หรือโวยวายมากไม่ได้ อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับ "พลังทางสังคม"ว่าจะมีท่าทีอย่างไร จะนิ่งเฉยแล้วปล่อยไปอย่างที่เคยเป็นหรือเปล่า หรือว่า "ตื่นตัว" แล้วตอบโต้กลับไปให้สาสม ซึ่งในความหมายไม่ใช่ความรุนแรง แต่ต้องประกาศไม่ยอมรับ "พฤติกรรมถ่อย" ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาได้อดทนมานานพอแล้ว ถึงเวลานี้ที่จะต้องยึดมั่นความถูกต้อง และกติกามาตรฐานเสียที ไม่ใช่ "กติกาแม้ว" กำหนด ลากจูงอยู่ตลอดเวลา นั่นคือเรียกร้องให้คนอื่นเห็นใจ เรียกร้องให้เคารพกติกา แต่ตัวเองและคนในครอบครัวกลับละเมิดเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา
00 มาตรการ"บอยคอต" สินค้าในเครือข่ายชินวัตร วงศ์สวัสดิ์ ที่ประกาศบนเวทีราชดำเนิน ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันก่อน ในอนาคตจะสำเร็จแค่ไหนยังไม่อาจประเมินได้ในช่วงวันสองวัน แต่เชื่อว่าต้อง "สะเทือน" กันพอสมควร นั่นคือ กลุ่มมวลชนที่เข้าร่วมคราวนี้มีไม่น้อยที่เป็น "คนชั้นกลาง" หรือ"คนวัยทำงาน" ในเมือง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีผลในทางบวกและลบต่อธุรกิจ ดังนั้นหากกระแส "เกลียดชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์" เกิดขึ้นสูงเรื่อยๆ มันก็ไม่ต้องบอกกันว่าจะกระทบแค่ไหน แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ถึงเวลาที่สังคมไทยจะต้องแสดงออก "ด้วยความรับผิดชอบ" เหมือนกับการ บีบคั้นกลายๆ ว่าการทำธุรกิจต้องโปร่งใส ชัดเจน จะสนับสนุนค้ำจุนระบอบโจรไม่ได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นก็จะได้รับการ "ปฏิเสธจากสังคม" เช่นเดียวกัน และถึงเวลาต้องทำกันจริงจังแล้ว
00 นี่ก็เช่นเดียวกัน เป็นประธานสภา แต่แทนที่จะทำหน้าที่พิทักษ์รักษาระบบ ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด แต่นี่กลายเป็นว่า เป็นเครื่องมือรับใช้ระบอบทักษิณ ทำหน้าที่ไม่ต่าง "ขี้ข้า" ยอมเป็นเบี้ยล่าง "ลูกน้อง" ฝ่ายบริหาร ดังนั้นเหมาะสมแล้วที่คนอย่าง สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ที่จะต้องเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ต้อง "อัปเปหิ" ออกไปให้พ้น การหน่วงเหนี่ยว โยกโย้ ไม่ยอมรับญัตติซักฟอก นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้นมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากต้องการประวิงเวลา เพื่อให้ถึงกำหนดการปิดสมัยประชุมสภา ในวันที่ 29 พ.ย.ให้มากที่สุด หมายความว่า ให้เวลาในการจับ "ขึ้นเขียง" ในเวลาจำกัดจำเขี่ย จากนั้นก็จะปิดสภาปิดเกมทันที
00 เอากันให้เต็มที่ ทุเรศกันให้พอกับตรรกะที่ว่า การยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกฯ ก็เหมือนกับการอภิปรายครม.ทั้งคณะ ดังนั้นไม่ว่า รมต.คนไหน ก็สามารถลุกขึ้นชี้แจงแทนได้หมด นี่เป็นระบบคิดของ "ลิ่งล้อขี้ข้าทักษิณ" ที่ต้องการเอาใจ "เลีย" นาย อย่างประธานวิปรัฐบาล อำนวย คลังผา ก็ขอให้เป็นจริงแบบนี้ทีเถอะ จะได้เห็นกันชัดๆ อีกทีว่า คนที่บอกว่านี่คือ "นารีขี่ม้าขาว" มันเป็นแบบนี้นี่เอง และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คนที่เป็นรมต.ทุกคนก็มีฐานะไม่ต่างจากผู้นำ เพราะถือว่าเป็นคณะรัฐมนตรีเหมือนกันหมด มันใช้สมองหยักไหนคิดวะนี่ ทุด !!
00 ดีเดย์กันอีกรอบสำหรับการ "ขับไล่ระบอบทักษิณ" กำหนดกันวันที่ 24 พ.ย. เที่ยวนี้ฝ่ายแกนนำใหญ่อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศระดมมวลชนมาให้ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ซึ่งงานนี้ถ้าปชป.เอาจริง มันก็ทำได้อยู่แล้ว เพราะเวลานี้มีทั้งคนเกลียด คนที่ตาสว่าง และที่สำคัญมวลชนปชป. ก็มีอยู่แล้วมากมาย สำคัญ "ถ้าเอาจริง" ก็ไม่ยาก เอ้า.. ลองดูอีกทีแล้วกัน !!
00 ความเคลื่อนไหวข่มขู่ที่แม้ว่ายังไม่อาจรู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ นั่นคือ การข่มขู่ทั้งตัวตุลาการ รวมไปถึงครอบครัวของตุลาการ มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และที่ผ่านมาตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ กรณีของ วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรธน. แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ตุลาการแต่ละท่านจะ "เข้มแข็ง" ได้แค่ไหน ซึ่งเรื่องแบบนี้หนักหนาสาหัสไม่เบา และเป็นภัยมืดที่บางครั้งเปิดเผย หรือโวยวายมากไม่ได้ อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับ "พลังทางสังคม"ว่าจะมีท่าทีอย่างไร จะนิ่งเฉยแล้วปล่อยไปอย่างที่เคยเป็นหรือเปล่า หรือว่า "ตื่นตัว" แล้วตอบโต้กลับไปให้สาสม ซึ่งในความหมายไม่ใช่ความรุนแรง แต่ต้องประกาศไม่ยอมรับ "พฤติกรรมถ่อย" ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาได้อดทนมานานพอแล้ว ถึงเวลานี้ที่จะต้องยึดมั่นความถูกต้อง และกติกามาตรฐานเสียที ไม่ใช่ "กติกาแม้ว" กำหนด ลากจูงอยู่ตลอดเวลา นั่นคือเรียกร้องให้คนอื่นเห็นใจ เรียกร้องให้เคารพกติกา แต่ตัวเองและคนในครอบครัวกลับละเมิดเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา
00 มาตรการ"บอยคอต" สินค้าในเครือข่ายชินวัตร วงศ์สวัสดิ์ ที่ประกาศบนเวทีราชดำเนิน ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันก่อน ในอนาคตจะสำเร็จแค่ไหนยังไม่อาจประเมินได้ในช่วงวันสองวัน แต่เชื่อว่าต้อง "สะเทือน" กันพอสมควร นั่นคือ กลุ่มมวลชนที่เข้าร่วมคราวนี้มีไม่น้อยที่เป็น "คนชั้นกลาง" หรือ"คนวัยทำงาน" ในเมือง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีผลในทางบวกและลบต่อธุรกิจ ดังนั้นหากกระแส "เกลียดชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์" เกิดขึ้นสูงเรื่อยๆ มันก็ไม่ต้องบอกกันว่าจะกระทบแค่ไหน แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ถึงเวลาที่สังคมไทยจะต้องแสดงออก "ด้วยความรับผิดชอบ" เหมือนกับการ บีบคั้นกลายๆ ว่าการทำธุรกิจต้องโปร่งใส ชัดเจน จะสนับสนุนค้ำจุนระบอบโจรไม่ได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นก็จะได้รับการ "ปฏิเสธจากสังคม" เช่นเดียวกัน และถึงเวลาต้องทำกันจริงจังแล้ว
00 นี่ก็เช่นเดียวกัน เป็นประธานสภา แต่แทนที่จะทำหน้าที่พิทักษ์รักษาระบบ ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด แต่นี่กลายเป็นว่า เป็นเครื่องมือรับใช้ระบอบทักษิณ ทำหน้าที่ไม่ต่าง "ขี้ข้า" ยอมเป็นเบี้ยล่าง "ลูกน้อง" ฝ่ายบริหาร ดังนั้นเหมาะสมแล้วที่คนอย่าง สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ที่จะต้องเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ต้อง "อัปเปหิ" ออกไปให้พ้น การหน่วงเหนี่ยว โยกโย้ ไม่ยอมรับญัตติซักฟอก นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้นมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากต้องการประวิงเวลา เพื่อให้ถึงกำหนดการปิดสมัยประชุมสภา ในวันที่ 29 พ.ย.ให้มากที่สุด หมายความว่า ให้เวลาในการจับ "ขึ้นเขียง" ในเวลาจำกัดจำเขี่ย จากนั้นก็จะปิดสภาปิดเกมทันที
00 เอากันให้เต็มที่ ทุเรศกันให้พอกับตรรกะที่ว่า การยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกฯ ก็เหมือนกับการอภิปรายครม.ทั้งคณะ ดังนั้นไม่ว่า รมต.คนไหน ก็สามารถลุกขึ้นชี้แจงแทนได้หมด นี่เป็นระบบคิดของ "ลิ่งล้อขี้ข้าทักษิณ" ที่ต้องการเอาใจ "เลีย" นาย อย่างประธานวิปรัฐบาล อำนวย คลังผา ก็ขอให้เป็นจริงแบบนี้ทีเถอะ จะได้เห็นกันชัดๆ อีกทีว่า คนที่บอกว่านี่คือ "นารีขี่ม้าขาว" มันเป็นแบบนี้นี่เอง และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คนที่เป็นรมต.ทุกคนก็มีฐานะไม่ต่างจากผู้นำ เพราะถือว่าเป็นคณะรัฐมนตรีเหมือนกันหมด มันใช้สมองหยักไหนคิดวะนี่ ทุด !!
00 ดีเดย์กันอีกรอบสำหรับการ "ขับไล่ระบอบทักษิณ" กำหนดกันวันที่ 24 พ.ย. เที่ยวนี้ฝ่ายแกนนำใหญ่อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศระดมมวลชนมาให้ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ซึ่งงานนี้ถ้าปชป.เอาจริง มันก็ทำได้อยู่แล้ว เพราะเวลานี้มีทั้งคนเกลียด คนที่ตาสว่าง และที่สำคัญมวลชนปชป. ก็มีอยู่แล้วมากมาย สำคัญ "ถ้าเอาจริง" ก็ไม่ยาก เอ้า.. ลองดูอีกทีแล้วกัน !!