xs
xsm
sm
md
lg

“ค้อนปลอม” ตั้งแง่ “จุรินทร์” ซักฟอก “ปู-จารุพงศ์” ต้องยื่นข้อกล่าวหา-เจ้าตัวบอกขอดูก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประธานวิปฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ยิ่งลักษณ์-จารุพงศ์” แต่ “สมศักดิ์” ตั้งแง่ต้องยื่นข้อกล่าวหาแนบญัตติ ขอปรึกษาฝ่ายกฎหมายก่อนให้คำตอบ 18 พ.ย. ก่อนเดินหนี “บุญยอด” ฉุนเป่านกหวีดไล่ เผยเนื้อหานายกฯ ไร้ภูมิปัญญา ฉ้อราษฎร์บังหลวง เอื้อตนเองพวกพ้อง-คอร์รัปชันเบ่งบาน มท.1 ขาดคุณธรรม-จริยธรรม จงใจทำผิดกฎหมาย ด้านนายกฯ บอกขอไปดูก่อนว่าจะซักฟอกอะไร สุดท้ายไม่ตอบเชิดหน้าขึ้นตึก


วันนี้ (15 พ.ย.) ที่บริเวณชั้น 2 อาคารรัฐสภา 1 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 กับ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ประกอบกับมาตรา 271

โดย นายสมศักดิ์ ได้กล่าวภายหลังรับหนังสือพร้อมกับตรวจสอบรายละเอียดทันที เมื่อพบว่าไม่มีรายละเอียดของข้อกล่าวหาบุคคลทั้ง 2 ทำให้นายสมศักดิ์ ชี้แจงว่า จากการที่วิปรัฐบาลได้หารือว่าควรจะต้องมีรายละเอียด ข้อกล่าวหาแนบมากับตัวญัตติ เปรียบเสมือนการฟ้องคดีที่จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้จำเลยได้รับทราบก่อน ซึ่งตนได้หารือกับทีมกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และเห็นสอดคล้องตรงกันว่าจะต้องมีการยื่นรายละเอียดข้อกล่าวหาแนบมาด้วย

ทำให้ นายจุรินทร์ ยืนยันว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งในส่วนของการยื่นถอดถอนก็ได้ยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภา เพื่อส่งต่อให้ ป.ป.ช.พิจารณา ตรงนั้นมีรายละเอียดและถือเป็นเอกสารลับ แต่การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ได้ยื่นถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยผ่านมา ซึ่งไม่เคยมีการยื่นข้อกล่าวหาแนบว่าตนไม่อยากให้นำเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการยื่นญัตติเป็นไปอย่างดุเดือด มีการโต้แย้งระหว่างนายสมศักดิ์ กับนายจุรินทร์ โดยมี ส.ส.พรรคประชาธปัตย์ ตะโกนต่อว่านายสมศักดิ์ ว่า “ไม่มีความเป็นกลาง“ “รับงานใครมา”

นายสมศักดิ์ ได้ชี้แจงว่า ตนยืนยันว่าทำตามขั้นตอนตามที่ฝ่ายกฎหมายสภาหารือมา ซึ่งตนก็จะไปปรึกษาฝ่ายกฎหมายอีกครั้ง ซึ่งจะสามารถทราบผลได้ในวันที่ 18 พ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านมีผลสมบูรณ์แล้วหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังยืนยันเหมือนเดิม คือฝ่ายค้านต้องเอาเอกสารรายละเอียดข้อกล่าวหาประกอบการยื่นญัตติมาให้ตนเพิ่มเติม โดยระหว่างนี้จะขอไปหารือกับฝ่ายกฎหมายก่อน

จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังโต้เถียงและยืนยันในหลักการของตนเอง จนนายสมศักดิ์ ต้องพูดตัดบทว่า “ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงแล้ว” จากนั้นก็เดินเลี่ยงออกไป ทำให้นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ควักนกหวีดขึ้นมาเป่าไล่ทันที ทำให้นายสมศักดิ์ มีสีหน้าเครียดทันที ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พยายามห้ามนายบุญยอด ให้หยุดเป่านกหวีด โดย นายธนิตพล ไชยนันท์ ส.ส.ตาก ตะโกนว่า “บุญยอด” ส่งผลให้หยุดเป่าทันที

ด้าน นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว โดยยืนยันว่า การกระทำของนายสมศักดิ์ เป็นการสกัดกั้นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน เพื่อพยายามช่วยเหลือรัฐบาล และยังขัดต่อคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า พร้อมรับการตรวจสอบ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นความพยายามต่อเนื่องที่จะช่วยรัฐบาล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไปช่วยเหลือในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ส่วนญัตติอภิปรายจะทันก่อนปิดสมัยประชุมหรือไม่ตนก็ไม่แน่ใจ

นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี พรรประชาธิปัตย์ เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นการเรียกแขกให้ม็อบมาที่ราชดำเนินเพิ่มขึ้น ไม่แพ้เหตุการณ์ออกมาต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อย่างแน่นอน ส่วนเอกสารที่ขอมาทางวิปฝ่ายค้านก็จะไม่ส่งอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 ได้เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

สำหรับเนื้อหาญัตติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีใจความสำคัญคือ ได้บริหารราชการแผ่นดิอนโดยบกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้จริยธรรม ไร้คุณธรรม ไร้สำนึก ไร้ภาวะผู้นำ ไร้ความรับผิดชอบต่อสภาและประชาชน ลอยตัวหนีปัญหา เลือกปฏิบัติ พูดอย่างทำอย่าง ปากว่าตาขยิบ ชอบแอบอ้างประชาธิปไตย กระทำการอันไม่บังควรสมรู้ร่วมคิดกับพวกพ้อง ทำลายข่มขู่ ก้าวก่ายสถาบันหลักในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนิติบัญญัติ ตุลาการ และองค์กรอิสระ มุ่งแก้ไขปัญหาบุคคลในครอบครัวมากกว่าประชาชน

ญัตติยังระบุว่า มีพฤติกรรรมฉ้อฉลทุจริต ปล่อยปละให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูลเพื่อปิดบังการทุจริตและความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ส่งเสริมปกป้องฉ้อราษฎร์บังหลวง และแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเอง ความร่ำรวยของครอบครัว ขณะที่ประชาชนยากจนลง เดือดร้อนแสนสาหัส นโยบายรณรงค์ต่อต้านทุจริตเป็นเพียงละครปาหี่ เป็นยุคที่คอร์รัปชันเบ่งบานที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยนายกรัฐมนตรีไม่แยแส ใส่ใจ จัดการตามหน้าที่ นอกจากนี้ยังกระทำผิดบ่อยซ้ำซาก วางแผนใช้อำนาจออกกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์โดยมิชอบ อันเป็นการทุจริตในรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อน ปล่อยให้บุคคลในครอบครัวกดปุ่มสั่งการตามอำเภอใจทุกรูปแบบจนประเทศไทยเสมือนมีนายกรัฐมนตรีหลายคนวนเวียนหาประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมตลอด 2 ปีที่ผ่านมา หากปล่อยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้ประเทศนำไปสู่ความวิบัติ จึงไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

ส่วนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายจารุพงศ์ รมว.มหาดไทย ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ระบุว่า มีเรื่องการบริหารราชการแผนดินบกพร่อง ผิดพลาด ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ลุแก่อำนาจ ขาดคุณธรรม จริยธรรม เล่นพรรคเล่นพวก เลือกปฎิบัติมุ่งสนองผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง และผลประโยชน์การเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน มีพฤติกรรมทุจริต จงใจผิดกฎหมายหากปล่อยให้บริหารราชการต่อไป ก็จะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนไม่มีที่สิ้นสุด

อีกด้านหนึ่งที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 17.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ยังไม่เห็นเลยค่ะ ยังไม่เห็นเลย ขอไปดูก่อนนะ เพราะยังไม่ได้รับจากสภาเลย

เมื่อถามว่าในการยื่นญัตติอภิปรายมีการใช้ถ้อยคำหรือข้อความที่รุนแรง นายกฯ กล่าวว่า “เดี๋ยวขอไปดูก่อนนะ” ผู้สื่อข่าวพยายามถามย้ำว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา ไม่รับญัตติอภิปราย นายกฯปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมกับเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์การยกระดับการชุมนุมในเวลา 18.00 น. วันนี้ ว่า ทางรัฐบาลเตรียมความพร้อมรับมือในทุกด้าน ถ้าหากกลุ่มผู้ชุมนุมดำเนินการอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น มีการเตรียมความพร้อมให้ทางเจ้าหน้าที่ดูแลสถานที่ราชการและให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชี้แจงกับประชาชนถึงภาพรวมของสถานการณ์ปัญหาในบ้านเมือง อย่างไรก็ตามกังวลหรือไม่ว่าการชุมนุมในวันนี้จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ไม่กังวลแต่ก็ไม่ประมาท ทางรัฐบาล ก็จะทำงานตามขอบเขต ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นถอดถอนรายชื่อนั้น ตนเองรับรู้แต่แรกตั้งแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งว่าจะต้องถูกอภิปรายซึ่งมันเป็นกลไกและความงดงามในระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีการอภิปรายต้องออกมาชี้แจงเพื่อให้ประชาชนเป็นคนตัดสินว่าใครผิดหรือถูก โดยผลการตัดสินชี้ขาดนั้น จะจบลงในวันเลือกตั้งเมื่อครบ 4 ปี

• • •

ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

สภาผู้แทนราษฎร

๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

เรื่อง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

กราบเรียน ประธานสภาผู้แทนราษฎร

สิ่งที่ส่งมาด้วย หลักฐานการยื่นคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง จำนวน ๑ แผ่น

พวกข้าพเจ้าผู้มีรายนามท้ายญัตตินี้ ขอเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๘ โดยได้แนบหลักฐานการยื่นคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๑ มาด้วยแล้ว

ทั้งนี้เนื่องจาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้บริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบทั้งต่อสภาและต่อประชาชน ลอยตัวหนีปัญหา เลือกปฏิบัติ พูดอย่างทำอย่าง ปากว่าตาขยิบ ชอบแอบอ้างประชาธิปไตย กระทำการอันไม่บังควร สมรู้ร่วมคิดกับพวกพ้อง ทำลาย ข่มขู่ ก้าวก่าย สถาบันหลักในระบอบประชาธิปไตย ทั้งสถาบันนิติบัญญัติ ตุลาการและองค์กรอิสระ มุ่งแก้ปัญหาของบุคคลในครอบครัวมากกว่าปัญหาประชาชน

ทั้งมีพฤติกรรมฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูลเพื่อปิดบังการทุจริตและความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ส่งเสริม ปกป้องการฉ้อราษฎร์บังหลวงและการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเอง ความร่ำรวยของครอบครัวและวงศ์วานว่านเครือ ขณะที่ประชาชนกลับจนลงได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส นโยบายรณรงค์ต่อต้านการทุจริตเป็นแค่เพียง “ละครปาหี่” ไม่มีผลปฏิบัติจริง จนยุคนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กลายเป็นยุคที่การคอรัปชั่นเบ่งบานที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้แยแส ใส่ใจ จัดการ ตามอำนาจหน้าที่แต่อย่างใด

อีกทั้ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังกระทำผิดกฎหมายซ้ำซาก วางแผนใช้อำนาจออกกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์โดยมิชอบอันเป็นการทุจริตรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อน แยบยล ตลอดจนการใช้อำนาจรัฐบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบ เพื่อทำลายฝ่ายเห็นต่างทางการเมือง ปล่อยให้บุคคลในครอบครัว “กดปุ่ม” “สั่งการ” ตามอำเภอใจในทุกรูปแบบ จนประเทศไทยเสมือนมีนายกรัฐมนตรีหลายคน วนเวียนหาประโยชน์ทั้งในทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ตลอด ๒ ปีที่ผ่านมา

ภายใต้การปกครองของระบอบการใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่อาศัยแต่ความมีเสียงข้างมากจากวันเลือกตั้งเป็นข้ออ้างกลบเสียงฝ่ายอื่นและเสียงประชาชนเพื่อใช้อำนาจนั้นตามใจตนแต่เพียงฝ่ายเดียว การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ส่งผลให้สังคมไทยเกิดความร้าวฉาน แตกแยกครั้งใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏ นายกรัฐมนตรีและครอบครัวกลายเป็นผู้สร้างปัญหาและเป็นตัวปัญหาของประเทศ การทุจริตแพร่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า กระทบทั้งระบบคุณธรรม จริยธรรม หลักนิติธรรม ค่านิยมแห่งความถูกต้องดีงามของสังคมไทย การเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ความไร้ประสิทธิภาพและความบกพร่อง ล้มเหลว ผิดพลาดของนโยบายและการบริหารราชการได้ทำประเทศเสียหายตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นำความทุกข์ยากเดือดร้อนมาสู่คนไทยทั้งแผ่นดิน หากปล่อยให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีมีแต่จะพาประเทศไปสู่ความวิบัติ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

และเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๘ พวกกระผมขอเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดบรรจุญัตตินี้ให้สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาโดยด่วน ส่วนเหตุผลและรายละเอียดจะได้แถลงชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
(นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร


กำลังโหลดความคิดเห็น