ASTVผู้จัดการ - “ทูตวีรชัย” ย้ำกรณีคดีปราสาทพระวิหาร 4.6 ตร.กม.จบไปแล้วไม่ต้องพูดถึง ชี้ผลของคำพิพากษาของศาลโลกไทยต้องไปเจรจากับเขมร โอดถ้ารีบสรุปว่าไทยกี่ไร่จะเสียประโยชน์คุยกับกัมพูชา ด้านกระทรวงการต่างประเทศเร่งแปลคำพิพากษาฉบับภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสเป็นไทย คาดเสร็จสัปดาห์หน้า
ในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง “เบื้องหลังคดีตีความปราสาท” ที่อาคารพินิตประชานาถ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อช่วงเวลา 09.30 น.ที่ผ่านมา นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตประเทศไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารฝ่ายไทย กล่าวถึงกรณีคำพิพากษาของศาลโลกในคดีปราสามพระวิหารที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ขณะนี้ตอนหนึ่งความว่า เรื่องพื้นที่ 4.6 ตร.กม.นั้นถือว่าจบไปไม่ต้องมาพูดอีกแล้ว ถ้ารีบด่วนสรุปว่าไทยเสียดินแดนไม่ว่าจะเสียไปกี่ไร่ เราจะเสียประโยชน์ในการเจรจา ซึ่งผลของคำพิพากษาในครั้งนี้เราต้องไปเจรจากับกัมพูชา
“การเป็นนักเจรจา ถ้าใครไม่เคยเจรจาจะไม่ทราบว่ายากขนาดไหน ตราบใดที่เราสุจริตก็ไม่มีใครเอาแผ่นดินของเราไปได้” นายวีรชัยกล่าว
ขณะที่นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การปฏิบัติและดำเนินการจะเป็นอย่างไรต่อไปหลังคำพิพากษาศาลโลก ประเด็นสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือเปิดเผยข้อมูลให้กับประชาชนและทุกภาคส่วนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งการไปรัฐสภาก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเข้าใจคำพิพากษาศาลโลก เพื่อความโปรงใส่ และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ สิ่งที่กระทรวงต่างประเทศต้องทำต่อจากคำพิพากษาของศาลโลกทั้งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส ต้องแปลเอกสารเป็นไทยให้ทุกภาคส่วนได้ใช้อ้างอิงได้
“เราต้องแปลเอกสารออกเป็นภาษาไทย เพื่อให้ทุกภาคส่วนนำไปใช้อ้างอิงได้ ไม่ใช่อ้างอิงจากข่าวหรือตามสื่อสารมวลชน คำพิพากษาของศาลโลก คาดว่าจะแปลเป็นภาษาไทยเสร็จในอาทิตย์หน้า” รองปลัดรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายณัฏฐวุฒิกล่าวต่อว่า เราไม่มีอะไรปิดบัง ขั้นตอนทุกอย่างต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ต้องหารือ เราพร้อมเมื่อไหร่ค่อยไปเจรจา ไม่ต้องรีบ แนวทางหลักๆ ก็คือ การแก้ไขปัญหาต้องแก้ไขโดยสันติวิธี เป็นเรื่องที่สำคัญ ระหว่างที่รอการเจรจาเราต้องรักษาอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติแต่เราต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับกัมชูาในฐานะเพื่อนและ AEC
“เราต้องรักษาท่าทีของไทยต่อประชาคมโลก เมื่อทุกฝ่ายพร้อม เราพร้อม แน่ใจในท่าที ก่อนเราไปเจรจา”