อดีต ส.ว.ยอดนักร้อง เดินงานถนัดยื่นศาล รธน.วินิจฉัย “สุเทพ-อภิสิทธิ์” ล้มการปกครอง เหตุขึ้นเวทีปราศรัยตั้งศาล ปชช. พิพากษาตามใจ แถมโฆษกพรรคยังกล่าวเสริม ถือว่า ปชป.หนุน ขัดมาตรา 197 ประกอบมาตรา 3 จี้สั่งคุ้มครองฉุกเฉินหยุดการกระทำพร้อมยุบ ปชป.
วันนี้ (11 พ.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยการกระทำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ จากกรณีนายสุเทพปราศรัยบนเวทีชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่าจะจัดตั้งศาลประชาชน เพื่อพิพากษาคดีบุคคลอื่นตามอำเภอใจ โดยให้ประชาชนร่วมกันเป็นตุลาการมาพิพากษาการทำหน้าที่ของรัฐบาล อีกทั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้แถลงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ จึงถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ร่วมสนับสนุนการกระทำ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 197 ประกอบมาตรา 3 จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินไปยังนายสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ ให้หยุดการกระทำ รวมถึงสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสี่
“การปกครองของประเทศไทยตามระบอบประชาธิปไตยจะประกอบด้วยอำนาจ 3 ด้าน คือ ตุลาการ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นอำนาจที่ก่อตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย และการทำหน้าที่ศาลต้องอยู่ในพระปรมาภิไธย ตุลาการทุกคนต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระมหากษัตริย์ ดังนั้น นายสุเทพจะใช้อำนาจอะไรมาจัดตั้งศาลประชาชนได้ตามอำเภอใจ ซึ่งการกระทำนี้ถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง เพราะศาลประชาชนนั้นเป็นรูปบบที่มีอยู่ในการปกครองตามระบอบสาธารณรัฐอย่างประเทศจีนหรือประเทศลาวเท่านั้น” นายเรืองไกรกล่าว