ปธ.ส.ส.กทม.ปชป. อัดพรรคร่วมรัฐลงสัตยาบันแค่ปาหี่การเมือง เย้ยซื้อเวลา วางใจไม่ได้ ถอยเชิงยุทธศาสตร์ปลุกระดมสาวกสู้ สั่ง ขรก.ร่วมแจม บิดเบือนกล่อม ปชช. รอสบช่องดันล้างผิด เชื่อพรุ่งนี้ ปชช.ออกมากว่า 3 แสนคน เหตุไม่เชื่อคำพูดนายกฯ
วันนี้ (10 พ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลร่วมลงสัตยาบันยืนยันว่าจะไม่นำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมกลับเข้ามาพิจารณาในสภาฯ ต่อไปว่า เป็นแค่ปาหี่ทางการเมืองเพราะเมื่อรู้สึกว่าจวนตัวไม่ทัดทานกระแสและพลังของประชาชนที่ออกมาคัดค้านได้ รัฐบาลจึงอาศัยมือของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคร่วมเป็นแค่เครื่องมือของรัฐบาลในการกำหนดทิศทางแต่อย่างใด จึงเป็นการซื้อเวลาต่ออายุรัฐบาลช่วงหนึ่งเท่านั้น จึงไม่สามารถไว้วางใจในสัตยาบันนี้ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลมีเสียงข้างมาก สามารถทำได้อยู่แล้ว
“ปาหี่การเมืองครั้งนี้จะยิ่งทำให้ประชาชนไม่เชื่อถือและไม่มีประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาใดๆ เลย ซ้ำยังมีพฤติกรรมตีสองหน้า หน้าหนึ่งทำเป็นถอยในเชิงยุทธวิธีไม่ใช่ถอยในเชิงยุทธศาสตร์ เพราะไม่มีการแสดงความสำนึกในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น อีกหน้าหนึ่ง ก็สั่งระดมคนเสื้อแดงจากภาคอีสาน และภาคเหนือ รวมถึงชาวบ้านที่ไม่ใช่เสื้อแดง โดยให้ใส่เสื้อแดงเพื่อให้มีปริมาณมากหวังให้สังคมเห็นว่ายังมีคนอีกส่วนหนึ่งที่เห็นด้วยกับรัฐบาล” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ยังมีการสั่งการไปยังข้าราชการทั่วประเทศให้จัดมวลชนมาร่วมสนับสนุนคนเสื้อแดง เช่น มีคำสั่งไปยังขนส่งจังหวัดโดยวาจาให้จัดเตรียมรถบัส หรือรถตู้ให้ขนคนเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง โดยให้ขนส่งจังหวัดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ก็มีการสั่งการให้กรมการปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ข้าราชการออกไปให้ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนสับสนเข้าใจผิดว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นเรื่องดี แต่คนใน กทม.ที่ออกมาคัดค้านไม่รู้เรื่องเป็นแค่แฟชั่น เดี๋ยวก็เลิกลากันไปเอง ซึ่งเมื่อไม่มีผู้ชุมนุมแล้วกฎหมายดีๆ อย่างนี้ก็จะกลับเข้าสู่สภาอีก รัฐบาลใช้ทุกวิถีทาง พร้อมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเวทีปราศรัยสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย
ส่วนใน กทม. สถานีตำรวจทุกพื้นที่ได้รับคำสั่งให้ติดป้ายประชาสัมพันธ์กล่าวร้ายต่อผู้ที่มาชุมนุมโดยให้ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริงว่า รัฐบาลยอมถอยแล้ว แต่ทำไมผู้ชุมนุมยังไม่ยอม ทั้งที่ข้อเท็จจริงถอยไป ถีบไป จึงเป็นการใช้ยุทธวิธีที่ผิดพลาดที่จะก่อให้เกิดผลร้ายต่อรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีเอง ซึ่งอีกไม่นานจะทราบว่าผลร้ายนี้จะสะท้อนกลับถึงรัฐบาลอย่างไร
“ทั้งนี้ ส่วนตัวมั่นใจว่าในวันที่ 11 พ.ย.จะมีประชาชนผู้รู้ตื่นจะออกมาชุมนุมโดยสงบตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญมากถึง 3 แสนคน คนจะเนืองแน่นบนถนนราชดำเนินตามที่มีคนพูดกันว่า จากสามเสนเป็นสามแสนกำลังจะเกิดขึ้นจริง เพราะคนไทยไม่เชื่อมั่นคำพูดใดๆ ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกต่อไปแล้ว” นายองอาจ กล่าว