xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.สับรัฐ 2 ปียิ่งลบ จวก “แม้ว” ไม่สำนึก จี้ “ปู” เซ็นนิรโทษฯ กม.การเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
“องอาจ” อ้างพฤติกรรมรัฐบาล 2 ปี สะสมแนวดิ่ง 4 เรื่อง ชี้ความน่าเชื่อถถือล้มละลายแล้ว จวก “ทักษิณ” ไม่สำนึกต้นตอก่อปม “ชวนนท์” ชี้ปัญหาอยู่ที่ “ยิ่งลักษณ์” โบ้ยคนอื่นรับภาระแทน เตือนพรรคร่วมอย่าตกเป็นเครื่องมือฟอกขาว หนุนเซ็นรับรองกฎหมายการเงิน จี้รัฐต้องรับผิดหากมีปะทะ เย้ย “สุรนันทน์” ใครกันสละหนีเพื่อไทยยามยาก แต่บากหน้ามาขอตำแหน่ง

วันนี้ (9 พ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 10.30 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการชุมนุมของกลุ่มที่คัดค้านการออกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในขณะนี้ ว่าสาเหตุที่มีผู้ออกมาชุมนุมนั้นเป็นเพราะประชาชนรับไม่ได้กับเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ทำลายระบบนิติรัฐนิติธรรม ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี เปิดโอกาสให้คนที่ทุจริตและผู้สั่งการไม่มีความผิดอีกต่อไป ทั้งนี้ พฤติกรรมของรัฐบาลใน 2 ปีที่ผ่านมาที่มีการสะสมในทางลบอย่างต่อเนื่องใน 4 ประการ คือ 1. การแสดงอำนาจบาทใหญ่ไม่ฟังเสียงของทุกภาคส่วน ที่ทักท้วงถึงการบริหารราชการที่ผิดพลาด และทุกครั้งที่มีเรื่องสำคัญเข้าสภาฝ่ายค้านก็จะถูกปิดปากไม่ให้ทำหน้าที่ 2. รัฐบาลปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชันอย่างที่ไม่มียุคใดเป็นมาก่อน เพราะมีการกินเปอร์เซ็นในโครงการต่างๆ ถึง 30-50% แม้ฝ่ายค้านะมีการเปิดโปงแต่รัฐบาลก็เปลี่ยนตัวละครโดยเปลี่ยนรัฐมนตรีที่ดูแล นายกรัฐมนตรีก็ไม่มีท่าทีที่จะปราบปรามทุจริตอย่างจริงจัง แต่พยายามสร้างภาพและรณรงค์ แต่ละเว้นการจัดการคนของรัฐบาลเอง

นายองอาจกล่าวอีกว่า 3. รัฐบาลบริหารประเทศโดยวิธีสับขาหลอก และ 4. รัฐบาลไม่รักษาคำพูดตนเอง แต่โกหกพกลมไปวันๆ ตั้งแต่ รมว.คลัง ที่โกหกในเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจ แต่เมื่อจำนนต่อหลักฐานกลับอ้างว่าเป็นการโกหกสีขาว หรือไวท์ไลน์ และที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายคือการออกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีผู้ออกมาคัดค้าน ซึ่งนายกฯ บอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้เป็นเรื่องของสภา แต่เมื่อมีผู้ออกมาชุมนุมจำนวนมากกลับสั่งให้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ถอนร่างออกจากสภา และพยายามสกัดกั้นทุกวิถีทางในรูปแบบต่างๆ โดยไม่มีจิตสำนึกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการบริหารงาที่ผิดพลาด หรือตระหนักว่ากฎหมายดังกล่าวไม่ถูกต้องชอบธรรม การถอนร่างออกก็เพื่อลดกระแสการต่อต้านของประชาชนเท่านั้น จึงถือเป็นพฤติกรรมแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปชั่วคราว โดยที่ยังไม่มีหลักประกันใดว่านายกฯ และรัฐบาล จะไม่หยิบยกกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณาอีก ดังนั้น ความน่าเชื่อถือของรัฐบาล และนายกฯ ล้มละลายไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ตนขอท้าทายไปยังรัฐบาลว่า หากเห็นว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่มีประโยชน์นำไปสู่ความปรองดอง ก็ขอให้นำมาพิจารณาในสภาต่อไป

นายองอาจกล่าวว่า ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาระบุว่าขณะนี้ฝ่ายค้านมีการแพร่กระจายข่าวสารเกี่ยวกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่ทำให้เกิดความสับสน เพื่อต้องการกลับมามีอำนาจอีกครั้งนั้น ถือว่าชัดเจนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นผู้มีอำนาจตัวจริง ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ลับลวงพลาง และพร้อมที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้ตลอดเวลา ซึ่งตนยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมทำหน้าที่ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย และไม่ประสงค์ที่จะกลับมามีอำนาจโดยที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น อย่ามาโยนบาปให้พรรค เพราะคนที่แพร่กระจายข่าวจนทำให้มีผู้ออกมาชุมนุมคัดค้านคือพรรคเพื่อไทยเอง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังไม่สำนึกว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหา และยังไม่มีท่าทีที่จะยุติปัญหา การแสดงความคิดเห็นเช่นนี้เป็นการซุกปัญหาใต้พรม และพร้อมที่จะออกกำหมายในอนาคต

ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ 4 หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะมีการแถลงข่าวร่วมกันที่พรรคเพื่อไทยว่า อยากจะบอกให้ทราบว่าปัญหาในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นทุกวันนี้เป็นเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลแต่วันนี้รัฐบาลกลับพยายามหาตัวช่วยและผลักภาระให้คนอื่นเข้ามาแก้ปัญหาให้ เช่นการผลักภาระให้กับสว. จึงอยากฝากไปยังพรรคร่วมรัฐบาลว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ในการฟอกขาวให้คนผิด ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือให้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำเรื่องให้นายกรัฐมนตรีเซ็นรับรองในร่าง พรบ.นิรโทษกรรมว่าเป็นกฎหมายการเงินและเมื่อนายกรัฐมนตรีไม่เซ็นทุกอย่างก็จบ กฎหมายก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้

นายชวนนท์กล่าวว่า เช่นเดียวกันกับการส่งสัญญาณว่าคืนดีกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อดึงมวลชนเสื้อแดงหวังให้ออกมาปกป้องรัฐบาลนั้น หากเกิดการปะทะกันระหว่างมวลชนทั้ง 2 กลุ่มนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องรับผิดชอบ จึงขอเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอย่าทำตามคำสั่งที่ไม่ถูกต้องและอย่าทำร้ายประชาชนด้วยการสลายการชุมนุม ส่วนกรณีที่นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าผู้ชุมนุมคือซากเดนประชาธิปไตยนั้น หากย้อนกลับไปดูดีๆ ก็จะรู้ว่าใครกันแน่ที่สละเรือหนีในยามที่พรรคลำบาก แต่เมื่อพรรคได้กลับมาเป็นรัฐบาลก็กลับเข้ามาขอตำแหน่ง จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจสมาชิกพรรคเพื่อไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น