“อลงกรณ์” พร้อมเดินสายเวที ปชช.ทั่วประเทศ ขวางล้างผิด อัด รัฐตระบัดสัตย์ ไม่มีสัจจะไม่ต่างจากโจร ไร้ธรรมาภิบาล ทำลายภาพลักษณ์ เป็นชาติแรกนิรโทษให้โจร เสี่ยงถูกลดความเชื่อถือ ย้ำ แนวคิดพรรคสู้ทั้งใน-นอกสภา ยกคำ “โคฟี” ให้ “ทักษิณ” เสียสละส่วนรวม หยุดบงการ
วันนี้ (3 พ.ย.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ภาคกลาง แถลงจุดยืนเกี่ยวกับการต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมว่า 1.จะร่วมรณรงค์เครือข่ายประชาชนทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ในการจัดเวทีปราศรัยให้ความรู้ให้ประชาชนลุกขึ้นสู้ต่อความไม่ถูกต้อง หยุดยั้งการใช้อำนาจไม่ชอบธรรมของรัฐบาล 2.จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลภายในเดือนนี้ เพราะการใช้เสียงข้างมากทำร้ายประเทศเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา เนื่องจากมีการใช้สภาเพื่อตรากฎหมายเพื่อตนเองและพวกพ้อง นอกจากนี้รัฐบาลยังทำลายหลักธรรมาภิบาล และหลักการของประเทศ โดยเฉพาะประเด็นการทุจริตคอร์รัปชันที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ การนิรโทษกรรมคดีทุจริตตั้งแต่ปี 2547 ถึงวันที่ 8 ส.ค.2556 ทำให้คนโกงกินบ้านเมืองพ้นผิด
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ดำเนินการขัดต่อหลักอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านคอร์รัปชันที่ไทยให้สัตยาบรรณไว้ในปี 2011 ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายล้มล้างความผิดทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้เสียภาพลักษณ์ขาดความน่าเชื่อถือ จนถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ และรัฐบาลยังตระบัดสัตย์ หลอกลวงคนทั้งประเทศใช้สภาเป็นเครื่องมือในการสนองตอบต่อเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.การแก้ไขมาตรา 190 และ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ล้วนมีพฤติกรรมตระบัดสัตย์ ยืนยันว่าจะช่วยเหลือประชาชนไม่ช่วยคนทำผิดทุจริต แต่สุดท้ายใช้วิธีอีแอบแปลงกายเนื้อหา ใช้เสียงข้างมากปิดปากฝ่ายค้าน เป็นการทำลายประเทศและทำร้ายประชาชน เพราะในขณะที่ประเทศเสื่อมทรุด ค่าครองชีพสูง การส่งออกตกต่ำ กำลังซื้อลดลง ทั้งประชาชนและภาคเอกชนได้รับความเดือดร้อน แต่รัฐบาลกลับซ้ำเติมสถานการณ์ของประชาชน และประเทศชาติอย่างไม่มีมโนสำนึก
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมุ่งเน้นให้เห็นในเรื่องการทำลายระบบรัฐสภา การทำลายหลักการและความน่าเชื่อถือของประเทศ นอกจากนั้น พรรคจะเรียกร้องไปยังวุฒิสภาให้คว่ำกฎหมายอัปยศฉบับนี้ และยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่ามีการกระทำที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ถ้าไม่สามารถหยุดยั้งกฎหมายนี้ได้สำเร็จก็จะพิจารณายกระดับการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภา โดยกรรมการบริหารพรรคจะร่วมกันพิจารณาต่อไป ทั้งนี้จะร่วมกับประชาชนทุกเครือข่ายให้มีการปราศรัยในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความรู้กับประชาชน เป็นการเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ซึ่งจะเริ่มที่เพชรบุรีเป็นจังหวัดแรกในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย) และในวันอังคาร (5 พ.ย.) จะเปิดเวทีประชาชนที่ตราด วันพุธ (6 พ.ย.) ที่ชลบุรี วันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) ที่ปทุมธานี จากนั้นจะเปิดเวทีอย่างต่อเนื่องทุกจังหวัด
“ขอเรียกร้องให้นายกฯแสดงความรับผิดชอบด้วยการหยุดยั้งความแตกแยกและการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลด้วยการรักษาสัจจะหยุดกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ง แม้จะไม่มีสัจจะในหมู่โจร รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ใช่โจรต้องมีสัจจะ แต่ถ้าตระบัดสัตย์และลอยตัวเหนือปัญหา ก๊ต้องรับผิดชอบและต้องเลือกว่าจะเป็นรัฐบาลที่ดีหรือเป็นรัฐบาลที่เลวของประชาชน” นายอลงกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้พรรคจะเดินหน้ารักษาประชาธิปไตยและหลักการของบ้านเมือง โดยได้สั่งการให้สมาชิกพรรคร่วมกันรณรงค์ต่อสู้อย่างอารยชนให้เป็นแบบอย่างตามกรอบของรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ใช่เกมการเมืองหรือผลประโยชน์ของพรรคการเมือง แต่ต่อสู้เพื่อให้รัฐบาลกลับมาทำหน้าที่ตามครรลองที่ถูกต้อง หากปล่อยให้มีการล้างผิดคนโกงประเทศจะอยู่ได้อย่างไร เพราะทุจริตแล้วได้อำนาจรัฐมาล้างผิดรัฐบาลกำลังนำประเทศไปสู่การเป็นรัฐที่ล้มเหลว จนถูกประณามไปทั่วโลก ทำให้นักลงทุนไม่เชื่อถือประเทศอีกต่อไป รัฐบาลต้องเลือกระหว่างประเทศกับพวกพ้อง โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องพิสูจน์ถูกปิดตามกระบวนการยุติธรรม ทำอย่างที่ นายโคฟี อานัน เคยพูดไว้ว่า ความปรองดองของประเทศไทย ขึ้นอยู่กับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเลือกอะไร ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ของประเทศชาติ สิ่งที่ตนขอ เรียกร้องคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องหยุดพฤติกรรมใช้เสียงข้างมากทำเพื่อประโยชน์ของตนเองในทันที
ส่วนจะมีการลาอออกจากตำแหน่ง ส.ส.หรือไม่นั้น นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สามารถต่อสู้ควบคู่กันไปได้ทั้งการทำหน้าที่ในสภาและนอกสภาภายใต้กรอบสิทธิของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ แม้เสียงในสภาจะสู้ไม่ได้ เพราะเป็นเสียงข้างน้อยก็ต้องอดทนอดกลั้นต่อสู้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเห็นความไม่ถูกต้องและออกมาร่วมต่อสู้