โฆษก พท.โวย ปชป.ใช้กฎหมู่อยู่เหนือ กม.ระดมม็อบต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย อ้างร่าง กม.ยกผิดสุดซอยไม่ขัด รธน.สั่งส.ส.ในถาคมทำความเข้าใจประชาชน เย้ย “เทพเทือก” ยกระดับการชุมนุม เรียกร้องหยุดเรียกคนภาคใต้ร่วม อ้างกระทบการท่องเที่ยว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาขึ้นเวทีที่สถานีรถไฟสามเสน โดยกล่าวโจมตีและนำเอา ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาบังหน้า สุดท้ายเป็นเพียงการจัดม็อบเต็มรูปแบบของพรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น โดยไม่ยึดมั่นในระบบรัฐสภา มีการระดมประชาชนมาจากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่ จ.สงขลา จ.นครศรีธรรมราช และ จ.ภูเก็ต มี ส.ส.ระดมประชาชนมาชุมนุมที่ศาลากลาง ถือเป็นการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย พรรคเพื่อไทยจึงขอเตือนว่าอย่ามีการยั่วยุจนเกิดความรุนแรง ซึ่งหากเหตุการณ์ปานปลายนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การที่ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ได้ผ่านวาระ 3 จากสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ขัดต่อรัฐธรรมนูญถึง 26 มาตรานั้น ไม่เป็นความจริงเลย เพราะฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญในมาตราใดเลย การกระทำของนายอภิสิทธิ์ เรียกได้ว่าเป็นขี้แพ้ชวนตี ทั้งที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยกมือโหวตถึง 29 เสียง ถือเป็นการตบหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์โดดเดี่ยว แสดงให้เห็นว่าฝ่ายค้านกลุ่มอื่นยังเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ มากกว่าประโยชน์ของตนเอง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงนี้ขอให้ทุกฝ่ายหยุดเรื่องการเมืองไว้ก่อนเพื่อไว้ทุกข์ให้แก่สมเด็จพระสังฆราช แต่มาวันนี้การจัดการชุมนุมที่เวทีสามเสนมีทั้งการร้องรำทำเพลง การปลุกระดมเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนคิดว่าเป็นการเล่นละคร จึงถือว่านายชวน กลืนน้ำลายตนเอง
“การที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศว่า จะยกระดับการชุมนุมนั้น ขอมองว่าเป็นมุกเดิมๆ ที่นายสุเทพ เคยใช้ เพราะแม้แต่กลุ่มพันธมิตรที่เป็นกลุ่มร่วมกันยังดูออก แต่หากเป็นอย่างนั้นจริง จะทำให้ส่งผลกระทบต่อการจราจร การท่องเที่ยวในพื้นที่ กทม.รวมถึงการลงทุนทางธุรกิจ จึงอยากให้นายสุเทพ และ ส.ส.ปชป.ที่ขึ้นเวทีคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นั้น ลาออกจากการเป็น ส.ส.แล้วออกมาสู้อย่างเต็มตัว”
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ในวันที่ 4 พ.ย.ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมรัฐสภาในการลงมติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งทางพรรคได้กำชับให้สมาชิกเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงแล้ว หลังจากนั้นจะมีการเรียกประชุมพรรค เพื่อรับมือสถานการณ์การเมือง รวมถึงกำชับให้ ส.ส.ในพื้นที่ ลงไปทำความเข้าใจและชี้แจงต่อประชาชนถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่ โดยจะให้มีการชี้แจงว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นเรื่องของสภา และเน้นหลักการให้อภัยเพื่อให้ประเทศเดินหน้า ไม่สามารถออกกฎหมายแบบเลือกปฏิบัติได้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงการงดถ่ายทอดสดการชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคประชาธิปัตย์ ของเอเอสทีวี โดยให้เหตุผลว่าไม่มีความจริงใจคัดค้าน และเป็นการหาเสียง ว่า เป็นเพราะกลุ่มพันธมิตรฯ จับไต๋พรรคประชาธิปัตย์ได้ สอดคล้องกับที่มีการระดมมวลชนโดยกลุ่มการเมืองในจังหวัดภาคใต้ โดยตนเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยว และการลงทุน เพราะเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวในภาคใต้แล้ว รวมถึงผู้ประกอบการได้แสดงความกังวลถึงเรื่องนี้เข้ามาแล้วด้วย และขอให้พรรคประชาธิปัตย์ช่วยเตือนสมาชิกด้วยว่าอย่าเอาประเทศเป็นตัวประกัน
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ระบุว่า ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ฟังแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า เป็นการดูถูกสมาชิกนิติบัญญัติด้วยกัน และเป็นการโยนบาปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตนขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และจะทำการดูข้อกฎหมายรวบรวมหลักฐานและฟ้องหมิ่นประมาทนายสมชายด้วย และขอท้าให้นายสมชาย ลงเลือกตั้ง ส.ว.หรือ ส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ไปเลย
โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงกรณีเครือข่ายประชาชนรักชาติรักษาแผ่นดิน นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้ประกาศจะมาชุมนุมที่หน้าบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 พ.ย.ว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน และกลุ่มของนายไชยวัฒน์ นั้นควรจะทำการยื่นข้อร้องเรียนมายังรัฐบาลมากกว่าการที่จะสร้างราคาให้ตัวเองโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน