สภาการหนังสือพิมพ์ฯ แถลงการณ์จวก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเปิดช่องโกง-บั่นทอนคนดี ชี้รัฐต้องปกครองด้วยกฎหมาย ไม่ใช่เสียงข้างมากเพื่อพวกพ้อง ระบุ กม.ไม่ศักดิ์สิทธิ์ถอนคำพิพากษาได้การปฏิบัติก็จะไม่สำคัญอีก อำนาจตุลาการไม่สามารถพึ่งได้ ลั่นคัดค้านการบังคับใช้ วอนวุฒิสภาทบทวน - ด้านม็อบ คปท.ขยายเวทียึดพื้นที่อุรุพงษ์ยังไม่ไปไหน พร้อมเฝ้าระวังตำรวจบุกทวง
วันนี้ (2 พ.ย.) สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ออกแถลงการณ์หยุดทำร้ายประเทศชาติ ว่าการผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมิได้เป็นไปตามหลักการ มีลักษณะขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม เป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันมากขึ้นในสังคมไทย อีกทั้งเป็นการบั่นทอนกำลังใจ คนดีมีคุณธรรม และลดทอนคุณค่าของคุณงาม ความดี นับเป็นภัยร้ายแรงอย่างยิ่งสำหรับประเทศชาติในอนาคต
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ อันเป็นองค์กรอิสระ มีหน้าที่ในการควบคุมกันเอง ส่งเสริมให้หนังสือพิมพ์ทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่ประชาชน ยึดถือความยุติธรรม และความเที่ยงธรรมเป็นหลักในการประกอบวิชาชีพ ได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนความดี และคนดี ภายใต้รัฐและผู้ปกครองที่ดี และแสดงให้เห็นประจักษ์แก่สังคมทั่วไป
รัฐที่ดีจะต้องปกครองด้วยกฎหมายมิใช่มนุษย์ และไม่ใช่ปกครองด้วยกฎหมายซึ่งมาจาก “เสียงข้างมาก” ที่ไม่ได้สะท้อนผลประโยชน์ของชาติและประชาชนอย่างแท้จริง หากมุ่งหมายเพื่อตนเองและพวกพ้อง ในขณะเดียวกันอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่สามารถถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหารตามหลักการที่ถูกต้องได้ ในแง่ของความเป็นธรรม หรือหลัก “นิติธรรม” ซึ่งหมายถึงความเป็นธรรมที่มีอยู่ในกฎหมาย เป็นกฎ ระเบียบ แบบแผนที่สังคมยอมรับ และยินยอมพร้อมใจปฎิบัติตาม เมื่อพิจารณาประกอบกับเนื้อหาและเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้แล้ว เห็นว่าขัดกับหลักการทั้งเรื่อง นิติรัฐ และนิติธรรมอย่างสิ้นเชิง
เมื่อกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ คนทำผิดกฎหมาย ทั้งที่มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว หรืออยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณา สามารถที่จะยกเลิกเพิกถอนคำพิพากษานั้นได้ในภายหลัง หรือพ้นไปจากข้อกล่าวหาโดยยังไม่มีการพิสูจน์ความผิดใดๆ การปฎิบัติตามกฎหมายก็จะไม่สำคัญอีกต่อไป อำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดโดยหลักการ ที่จะเป็นหลักประกันว่า บุคคลทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และหากกระทำความผิดไม่ว่าคดีแพ่ง หรืออาญา ก็จะต้องได้รับการพิจารณาพิพากษาโดยศาลเดียวกัน อย่างเสมอหน้ากัน ก็จะไม่สามารถเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนได้อีก
เราเห็นว่ามติจากเสียงข้างมาก หากมิได้อยู่บนหลักการและพื้นฐานเพื่อประโยชน์สาธารณะ ก็ไม่สามารถรับรองความถูกต้องตามหลักการของการตรากฎหมาย ที่จะต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรม และไม่สามารถที่จะอ้างความชอบธรรมได้ เราขอคัดค้านการบังคับใช้ให้เป็นไปตามร่างกฎหมายที่ไม่ชอบธรรมนี้ ขอสนับสนุนบุคคล กลุ่มบุคคล รวมทั้งกระบวนการอันชอบธรรมที่จะคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้วุฒิสภา อันประกอบด้วยผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ได้ใช้วิจารณญาณในการพิจารณากฎหมายฉบับนี้อย่างรอบคอบ ถี่ถ้วน เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติ และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในคุณค่าของความดี และคนดีของสังคมนี้
ขณะที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ประชาชนเริ่มเดินทางทยอยเข้าร่วมชุมนุม ซึ่งในวันนี้ได้มีการปรับขนาดรถบรรทุก 6 ล้อ ติดเครื่องขยายเสียง ที่ใช้เป็นเวทีปราศรัยให้มีขนาดใหญ่ขึ้น นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท.กล่าวว่า การปรับขนาดเวทีปราศรัยในครั้งนี้ เพื่อรองรับพี่น้องประชาชน และนักศึกษาที่จะมาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยเพิ่มขึ้น ที่แยกอุรุพงษ์อีกทั้งเพื่อให้เกิดความมั่นคงของเวทีและยากต่อการเคลื่อนย้าย หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาขอคืนพื้นที่ พร้อมทั้งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ยืนยันว่า คปท.จะไม่เคลื่อนย้ายพื้นที่การชุมนุมออกจากแยกอุรุพงษ์อย่างแน่นอน
นายอุทัยกล่าวว่า ส่วนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงคันเดิม ที่ถูกใช้เป็นเวทีปราศรัยนั้น จะนำมาไว้เตรียมความพร้อมหากมีการยกระดับการชุมนุม ส่วนกรณีที่ในวันนี้ครบกำหนดวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ย้ายออกจากพื้นที่ และถึงแม้ทางด้านของผู้กำกับ สน.พญาไทจะออกมาเปิดเผยว่าจะยังไม่ดำเนินการใดๆ ก็ตามนั้น แต่ทาง คปท.เองยังไม่ได้วางใจเท่าที่ควร จึงได้ให้กลุ่มนักศึกษา และประชาชนร่วมกันเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
วันนี้ (2 พ.ย.) สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ออกแถลงการณ์หยุดทำร้ายประเทศชาติ ว่าการผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมิได้เป็นไปตามหลักการ มีลักษณะขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม เป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันมากขึ้นในสังคมไทย อีกทั้งเป็นการบั่นทอนกำลังใจ คนดีมีคุณธรรม และลดทอนคุณค่าของคุณงาม ความดี นับเป็นภัยร้ายแรงอย่างยิ่งสำหรับประเทศชาติในอนาคต
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ อันเป็นองค์กรอิสระ มีหน้าที่ในการควบคุมกันเอง ส่งเสริมให้หนังสือพิมพ์ทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่ประชาชน ยึดถือความยุติธรรม และความเที่ยงธรรมเป็นหลักในการประกอบวิชาชีพ ได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนความดี และคนดี ภายใต้รัฐและผู้ปกครองที่ดี และแสดงให้เห็นประจักษ์แก่สังคมทั่วไป
รัฐที่ดีจะต้องปกครองด้วยกฎหมายมิใช่มนุษย์ และไม่ใช่ปกครองด้วยกฎหมายซึ่งมาจาก “เสียงข้างมาก” ที่ไม่ได้สะท้อนผลประโยชน์ของชาติและประชาชนอย่างแท้จริง หากมุ่งหมายเพื่อตนเองและพวกพ้อง ในขณะเดียวกันอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่สามารถถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหารตามหลักการที่ถูกต้องได้ ในแง่ของความเป็นธรรม หรือหลัก “นิติธรรม” ซึ่งหมายถึงความเป็นธรรมที่มีอยู่ในกฎหมาย เป็นกฎ ระเบียบ แบบแผนที่สังคมยอมรับ และยินยอมพร้อมใจปฎิบัติตาม เมื่อพิจารณาประกอบกับเนื้อหาและเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้แล้ว เห็นว่าขัดกับหลักการทั้งเรื่อง นิติรัฐ และนิติธรรมอย่างสิ้นเชิง
เมื่อกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ คนทำผิดกฎหมาย ทั้งที่มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว หรืออยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณา สามารถที่จะยกเลิกเพิกถอนคำพิพากษานั้นได้ในภายหลัง หรือพ้นไปจากข้อกล่าวหาโดยยังไม่มีการพิสูจน์ความผิดใดๆ การปฎิบัติตามกฎหมายก็จะไม่สำคัญอีกต่อไป อำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดโดยหลักการ ที่จะเป็นหลักประกันว่า บุคคลทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และหากกระทำความผิดไม่ว่าคดีแพ่ง หรืออาญา ก็จะต้องได้รับการพิจารณาพิพากษาโดยศาลเดียวกัน อย่างเสมอหน้ากัน ก็จะไม่สามารถเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนได้อีก
เราเห็นว่ามติจากเสียงข้างมาก หากมิได้อยู่บนหลักการและพื้นฐานเพื่อประโยชน์สาธารณะ ก็ไม่สามารถรับรองความถูกต้องตามหลักการของการตรากฎหมาย ที่จะต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรม และไม่สามารถที่จะอ้างความชอบธรรมได้ เราขอคัดค้านการบังคับใช้ให้เป็นไปตามร่างกฎหมายที่ไม่ชอบธรรมนี้ ขอสนับสนุนบุคคล กลุ่มบุคคล รวมทั้งกระบวนการอันชอบธรรมที่จะคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้วุฒิสภา อันประกอบด้วยผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ได้ใช้วิจารณญาณในการพิจารณากฎหมายฉบับนี้อย่างรอบคอบ ถี่ถ้วน เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติ และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในคุณค่าของความดี และคนดีของสังคมนี้
ขณะที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ประชาชนเริ่มเดินทางทยอยเข้าร่วมชุมนุม ซึ่งในวันนี้ได้มีการปรับขนาดรถบรรทุก 6 ล้อ ติดเครื่องขยายเสียง ที่ใช้เป็นเวทีปราศรัยให้มีขนาดใหญ่ขึ้น นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท.กล่าวว่า การปรับขนาดเวทีปราศรัยในครั้งนี้ เพื่อรองรับพี่น้องประชาชน และนักศึกษาที่จะมาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยเพิ่มขึ้น ที่แยกอุรุพงษ์อีกทั้งเพื่อให้เกิดความมั่นคงของเวทีและยากต่อการเคลื่อนย้าย หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาขอคืนพื้นที่ พร้อมทั้งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ยืนยันว่า คปท.จะไม่เคลื่อนย้ายพื้นที่การชุมนุมออกจากแยกอุรุพงษ์อย่างแน่นอน
นายอุทัยกล่าวว่า ส่วนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงคันเดิม ที่ถูกใช้เป็นเวทีปราศรัยนั้น จะนำมาไว้เตรียมความพร้อมหากมีการยกระดับการชุมนุม ส่วนกรณีที่ในวันนี้ครบกำหนดวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ย้ายออกจากพื้นที่ และถึงแม้ทางด้านของผู้กำกับ สน.พญาไทจะออกมาเปิดเผยว่าจะยังไม่ดำเนินการใดๆ ก็ตามนั้น แต่ทาง คปท.เองยังไม่ได้วางใจเท่าที่ควร จึงได้ให้กลุ่มนักศึกษา และประชาชนร่วมกันเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด