“กรณ์” ชี้วันพิพากษา “ทักษิณ” ซุกหุ้นภาคหนึ่ง คือจุดเริ่มต้นความขัดแย้งสังคมไทย ยกคำวินิจฉัยตุลาการศาลร ธน.เสียงข้างน้อย เตือนสติ ส.ส.เสียงข้างมากให้คิดถึงประเทศชาติ เลิกหนุน พ.ร.บ.นิรโทษฯ เชื่อหากผ่านกฎหมายล้างโกงได้ต่อไปโจรทุกแขนงจะแย่งกันเข้าสภาเพื่อฟอกผิด พร้อมให้คำมั่นมวลชนจะสู้อย่างถึงที่สุด
วันนี้ (31 ต.ค.) บริเวณสถานีรถไฟสามเสน นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.ประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ถ้ากฎหมายนี้ออกมาแล้วจะเป็นภัยอย่างยิ่งต่อลูกหลาน และอนาคตของประเทศชาติ แล้ววันนี้เรามีแนวร่วมทั่วประเทศจริงๆ อยากให้พี่น้องเป็นกำลังใจให้ภาคธุรกิจที่รวบรวมความกล้าหาญออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตัวแทนสภาธุรกิจตลาดทุนฯ ก็ออกมาร่วมแถลงข่าวกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน โดยพูดว่าประเทศไทยจะไม่มีใครมาลงทุน เพราะเป็นประเทศเดียวที่ฝ่ายนิติบัญญัติสนับสนุนการคอร์รัปชัน
ส่วนที่ นายทักษิณ พูดว่าต้องการให้สังคมไทยกลับไปที่จุดเริ่มต้น ตนก็อยากเซตซีโร แต่ถ้าเป็นตนจะไม่ย้อนไปวันรัฐประหาร เพราะไม่มองว่าวันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง ซึ่งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) โดยนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน มีข้อสรุปชัดเจนว่า จุดเริ่มต้นความขัดแย้งทั้งหมดในสังคมของเราต้องย้อนไปถึง ส.ค.2544 วันนั้นคือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาคดีซุกหุ้นภาค 1 เป็นคดีที่ นายทักษิณ อ้างว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้นบกพร่องโดยสุจริต และการตัดสินของตุลาการชุดนั้น คอป.สรุปว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของความขัดแย้งทั้งหมด ที่ยังเป็นภาระของพวกเราถึงทุกวันนี้
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ตนขออ่านคำวินิจฉัยส่วนตัวของ นายประเสริฐ นาสกุล อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่ล่วงลับไปแล้ว ท่านเป็น 1 ใน 7 ตุลาการเสียงข้างน้อย ที่แพ้ด้วยคะแนน 8 ต่อ 7 ในคดีซุกหุ้นภาค 1 ท่านเขียนคำวินิจฉัยส่วนตนไว้ว่า “หัวใจการเมืองคือความไม่เห็นแก่ตัว เพราะเห็นแก่ตัว และพรรคของตัวแล้วจะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร” เขียนไว้เมื่อปี 2544 แต่ทุกคำพูดมีความหมายอย่างยิ่งต่อทุกวันนี้ และยังเขียนอีกว่า “ปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี และทำให้ดี ในอนาตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้ที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องผิดหวังในที่สุด”
ตนนำคำวินิจฉัยมาอ่านอีกครั้งเพื่อเตือนสติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากที่ยังอยู่ในสภา ขอให้พิจารณาคำพูดของอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ และทบทวนบทบาทท่าทีในสภา ให้คิดถึงประเทศชาติ ยังไม่สายเกินไปที่จะกลับลำเลิกสนับสนุนการล้างผิดของคนที่ทุจริตต่อบ้านเมือง
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า การที่เราออกมาต่อสู้เพื่อขัดขวางการออกกฎหมายล้างผิด ไม่ใช่เพียงการต่อสู้ทางอุดมการณ์ ไม่ใช่เพียงเพราะปกป้องระบบการปกครองของประเทศ ทุกคนเรียนมาประเทศมี 3 เสาหลัก คือ นิติบัญญติ บริหาร และตุลาการ บ้านเรานิติบัญญัติ และบริหารไปด้วยกันเพราะประชาชนเลือก ส.ส.แล้ว ส.ส.เลือกนายกฯ แต่ที่เป็นอิสระชัดเจนคือ ตุลาการ เวลาสังคมตกลงกันไม่ได้เราไม่ใช้เสียงข้างมากตัดสินใครผิดใครถูก แต่เราใช้หลักฐานหักล้างกันในศาล ทุกคดีที่มีการกล่าวโทษนายทักษิณ ได้เปิดโอกาสให้นายทักษิณ หักล้างข้อกล่าวหาด้วยหักฐานทั้งสิ้น คดีที่ดินรัชดา นายทักษิณ กลับมาสู้ด้วยตัวเอง สุดท้ายไม่สำเร็จ ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี ส่วนคดีซุกหุ้นภาคสอง และเอื้อประโยชน์หุ้นตัวเองที่ซุกไว้ ศาลพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นโดยการฟังความข้างเดียว แต่มีการต่อสู้หักล้างกันด้วยหลักฐานในศาล และนั่นคือหลักในการปกครองบ้านเมืองที่ต้องยึดมั่นไว้ให้ได้ แต่รัฐบาลนี้พยายามล้มล้างการปกครองด้วยการใช้เสียงข้างมากออกกฎหมายล้างคำพิพากษาของตุลาการ นี่คือเหตุผลทางอุดมการณ์ที่ต้องออกมาต่อสู้อย่างถึงที่สุด แต่การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่ปกป้องเพียงระบบการปกครอง ไม่เพียงแต่ปกป้องอุดมการณ์ แต่จะมีผลอย่างยิ่งต่ออนาคตความเป็นอยู่ ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ต่อโอกาสของลูกหลานของเราในอนาคต
นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือน ก.ย. ชี้ให้เห็นชัดว่า เครื่องทุกเครื่องที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตอนนี้ใกล้ดับหมดแล้ว ภาษีมูลค่าเพิ่มเก็บได้ลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ พี่น้องประชาชนไม่มีเงินในกระเป๋าจับจ่ายใช้สอย กรมสรรพากรไม่สามารถเก็บภาษีได้ ยอดขายมอเตอร์ไซค์ตกฮวบ เพราะพี่น้องเกษตรกรราคาพืชผลตกต่ำ ส่งออกติดลบต่อเนื่อง สุดท้ายพี่้น้องประชาชนทุกคนต้องเดือดร้อน แต่คิดได้สักเรื่องไหมว่า 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชนบ้าง รัฐบาลเข้ามาวันแรกก็ผลักดันนโยบายประชานิยม ไม่ว่าจะรถคันแรก จำนำข้าว สร้างความเสียหายให้เงินภาษีประชาชนปีละเป็นแสนล้านบาท สาเหตุที่ทำเช่นนี้เพราะเป้าหมายของรัฐบาลไม่ไช่ต้องการดูแลพี่น้องประชาชน แต่เป้าหมายคือ ช่วยนายทักษิณ ให้กลับบ้านได้อย่างเท่ๆ และรัฐบาลประเมินว่าเขาจะทำสำเร็จได้อย่างน้อยต้องรักษามวลชนของเขาเอาไว้ให้ได้ด้วยนโยบายประชานิยม นี่คือสาเหตุที่ทำอะไรก็ประชานิยม ก็เพื่อรักษาฐานมวลชนเอาไว้ให้อุ้ม นายทักษิณ กลับบ้าน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องส่งเสียงไปถึงรัฐบาลว่าเราไม่ยอม ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องกลับมาดูแลปากท้องของเรา และยกเลิกความพยายามช่วยเหลือ นายทักษิณ ชินวัตร
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุที่พวกตนต้องประกาศสู้อย่างถึงที่สุด มีคนถามว่าต้องลาออกจากกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือ ตนตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า ถ้าตนขอให้พี่น้องออกมาสู้ ตนจะไม่ออกมาสู้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างไร มีคนถามว่าการออกมาตั้งเวทีนี้เคารพระบบสภาหรือไม่ เพราะเคารพสภาเราถึงต้องปกป้องไม่ให้มาย่ำยีเอาสภาเป็นที่ฟอกตัวของคนโกง ถ้าเราไม่ร่วมมือกันในการต่อสู้กฎหมายฉบับนี้ สุดท้ายแล้วสิ่งที่จะเห็นคือ โจรทุกแขนงมุ่งเข้าสู่สภา ทุกคนที่ทำผิดกฎหมายจะแย่งชิงอำนาจในสภาให้ได้ เพราะสภาจะเป็นที่ฟอกตัวของโจร
ตนขอให้ยืนหยัดต่อสู้กับพวกเราต่อไป คืนนี้คืนเดียวคงไม่พอ เพราะเราสู้กับกลุ่มคนที่มีความมุ่งมั่นที่สำคัญหน้าด้านสุดๆ พี่น้องที่อยู่ กทม.ผลัดกันกลับบ้านพักผ่อนได้ แต่ทุกครั้งที่กลับไปแตะมือกับเพื่อนบ้านผลัดกันมา ถ้าพี่น้องทำได้ พวกตนก็ทำได้ ขอให้คำมั่นเรื่องนี้เราสู้ถึงที่สุดจริงๆ