xs
xsm
sm
md
lg

“สุรนันทน์” ท้า “มาร์ค-เทือก” ลาออก ส.ส.นำม็อบต้านนิรโทษฯ ผวาล้อมศาลากลาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เลขาธิการนายกฯ ย้อน “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ลาออก ส.ส.นำม็อบต้านนิรโทษกรรม เข้ากระบวนการกฎหมายพิสูจน์ตัวเองข้อหาสลายแดง ทำฮึ่มชุมนุมได้แต่ห้ามละเมิดสิทธิคนอื่น ผวาล้อมศาลากลางอ้างเสียภาพลักษณ์ประเทศ โวไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล ออกตัวแทนนายกฯ มีสมาธิไป ครม.สัญจรลพบุรี ยังไม่มีแนวคิดขยาย พ.ร.บ.ความมั่นคง



วันนี้ (30 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกแถลงการณ์ต่อต้านรัฐบาลที่จะผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม และเรียกคนให้ออกมาชุมนุมว่า รัฐบาลเข้าใจดีว่าเป็นไปตามกระบวนการในระบอบประชาธิปไตย มีสิทธิแสดงความคิดเห็น แต่ที่จะขอติงคือกระบวนการทางกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมถึงแม้จะผ่านสภาผู้แทนราษฎรใน 2-3 วันนี้ก็ยังคงมีขั้นตอนต่อไปอีก ในชั้นวุฒิสภา ที่หากไม่เห็นด้วยก็จะต้องส่งกลับมาให้คณะกรรมาธิการร่วมฯ ในการแก้ไข หรือแนวทางที่กฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านวุฒิสภา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตามก็อาจจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ

“สิ่งเหล่านี้ถือเป็นไปตามกระบวนการทางรัฐสภา และกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ถือเป็นกระบวนการที่เป็นมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับ เพราะฉะนั้นถ้าฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยในเรื่องใด การต่อสู้ในเชิงความคิดสามารถมีได้ในเวทีรัฐสภา หรือแสดงความเห็นนอกเวทีสภาก็เป็นไปได้ แต่ต้องเป็นการแสดงความเห็นที่ไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น และไม่ใช่การเรียกระดมคนในลักษณะที่มีการชุมนุมยืดเยื้อเพื่อสร้างแรงกดดันหรือทำให้เกิดเงื่อนไขที่นำไปสู่ความรุนแรงได้” นายสุรนันทน์กล่าว

นายสุรนันทน์กล่าวต่อว่า ในส่วนการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เพื่อมาร่วมชุมนุมนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถปฎิเสธความรับผิดชอบได้ หากการชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นการละเมิดระบอบประชาธิปไตย ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และละเมิดกฎหมาย ตนค่อนข้างผิดหวัง ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เพราะถ้าจะมีการต่อสู้ตามกระบวนการต่างๆ เหตุใดจึงไม่ลาออกเอง

“ผมขอเรียกร้องให้ทั้งสองคนลาออกจาก ส.ส. เพราะทั้งคู่ได้ออกมายืนยันว่าไม่ต้องการให้มีการนิรโทษกรรม และต้องการขอสู้ตามกระบวนการของกฎหาย เพราะฉะนั้นก็ออกมาพิสูจน์ตัวเองให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งสามารถทำได้ เพราะการออกมาเรียกร้องการชุมนุมจะทำให้เกิดเงื่อนไขอื่นๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครในประเทศต้องการ” เลขาฯ นายกฯ ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาแถลงจุดยืนลักษณะนี้จะส่งผลให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยออกมาเป็นอย่างไร นายสุรนันทน์กล่าวว่า ถ้าอยู่ในกรอบกติกา ระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะในระบบรัฐสภาก็ไม่มีปัญหาถึงแม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม เช่น ในพรรคเพื่อไทยเองจะเห็นได้ว่ามีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเป็นมติพรรคมีการดำเนินการต่อตามกลไกที่มีอยู่ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าอยู่ในภาพลักษณ์ที่ประชุมแล้วและมีข่าวออกมาว่าจะต้องไปล้อมศาลาว่าการจังหวัดจะทำให้ประสิทธิภาพของรัฐบาลตกต่ำ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทย และไม่เป็นประโยชน์ต่อใคร

“ขอเรียกร้องให้นักการเมืองฝ่ายค้านรับผิดชอบต่อประเทศร่วมกัน เราต้องการให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ จะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไรประเทศต้องเดินหน้าต่อไป” นายสุรนันทน์กล่าว

เมื่อถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่รัฐบาลต้องตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมโดยเฉพาะ นายสุรนันทน์กล่าวว่า ข่าวที่ออกก็เกินเลยไป จริงๆ ทุกกระบวนการที่มีอยู่ หรือแม้การแถลงนโยบายของรัฐบาลก็มีคนที่ดูแลงานด้านนี้ในการติดตาม เพื่อช่วยกันชี้แจงให้สาธารณะชนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะในกระบวนการของสื่อมวลชนทุกวันนี้น่าเห็นใจ เพราะในโลกไซเบอร์ก็มีการปล่อยข่าวลวงปล่อยข่าวเท็จ เพราะฉะนั้นรัฐบาลเองก็มีหน้าที่ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง ขอยืนยันว่าความเห็นที่แตกต่างสามารถมีได้แต่อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงเท่านั้นเอง

ต่อกรณีที่ว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน และเล็งเห็นว่าสามารถไปสะดุดในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งก็เป็นได้ ทำไมจึงต้องเร่งผลักดันร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า คิดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อ ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยเห็นว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศจึงมีการผลักดัน ซึ่งก็เป็นไปตามขั้นตอน เราไม่สามารถบอกได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในขั้นตอนอื่นๆ หลังจากนี้ แต่เมื่อมีการตัดสินใจแล้ว กระบวนการในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรเดินไปใน 3 วันนี้ก็ต้องยอมรับว่าในวาระ 2 - 3 คงจะต้องมีการถกเถียงในหลักหลายเหตุผล ซึ่งจะทำให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวอาจจะไม่ออกในลักษณะที่วิพากษ์วิจารณ์กันก็เป็นได้

เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงหรือไม่ กระบวนการในรัฐสภาจะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล นายสุรนันทน์กล่าวว่า ถ้าเป็นกระบวนการในสภาที่เป็นระบอบประชาธิปไตย จะไม่มีอะไรที่กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล เพราะถ้าเป็นไปในระบอบประชาธิปไตยเราจะต้องเอาประเทศเป็นหลักก่อน ถ้าเดินตามระบอบและกติกา เสถียรภาพของรัฐบาลซึ่งเป็นเสถียรภาพของประเทศจะไม่สั่นคลอนแน่นอน แต่ถ้าเป็นความพยายามก่อให้เกิดกระบวนการต่อต้านรัฐบาลนอกระบบ จนไปถึงการล้มล้างรัฐบาล ไปถึงจุดการแช่แข็งประเทศไทยอีก ก็ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศเลย

เมื่อถามว่าขณะนี้สถานการณ์กำลังจะเกิดความขัดแย้งและความรุนแรงเกิดขึ้น นายสุรนันทน์กล่าวว่า วันนี้เราเห็นว่ามีความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่เวทีแสดงความเห็นยังมีอีกหลายขั้นตอน ซึ่งถ้าความคิดเห็นไม่ตรงกันก็จะต้องนำไปปรับจูนและต่อสู้ทางความคิดต่อไป คำว่าขัดแย้งรุนแรงถ้ารุนแรงในเชิงความคิดและมีเวทีที่แสดงออกชัดเจน เป็นไปตามกติกาก็จะไม่เป็นปัญหา แต่อย่าให้เป็นความขัดแย้งที่เอาเรื่องส่วนตัวมาจนเป็นความขัดแย้งที่เกิดความรุนแรงบนท้องถนน ตรงนี้รัฐบาลยอมไม่ได้

ต่อข้อถามว่ารัฐบาลจะรับมือและให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร นายสุรนันทน์กล่าวว่า ทุกอย่างต้องรับผิดชอบร่วมกัน รัฐบาลก็มีมาตรการที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้การที่จะปิดถนน กั้นทางรถไฟ ปิดสถานที่ราชการ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อประเทศ เพราะฉะนั้นรัฐบาลยืนยันว่ามาตรการต่างๆ จะเป็นไปด้วยความละมุนละม่อม และจะมีการเจรจาหารือ เมื่อถามว่า การข่าวได้รายงานหรือไม่ว่าผู้ที่จะมาร่วมการชุมนุมกับฝ่ายค้านมีมากน้อยแค่ไหน นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานเป็นตัวเลข แต่ทราบว่ามีการระดมคน ซึ่งจะต้องมีการประเมินกันวันต่อวัน แต่เรื่องของจำนวนจะมากน้อยเพียงใดเราไม่ห่วง เราห่วงว่าจะใช้กลุ่มคนเหล่านั้นไปทำอะไร ซึ่งถ้าใช้กลุ่มคนเหล่านี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองก่อให้เกิดความขัดแย้งบนท้องถนน เกิดการปะทะกันก็จะไม่มีประโยชน์อะไร

เมื่อถามว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติแบบนี้นายกฯ ยังมีสมาธิไปประชุมคณะรัฐมนตรี (สัญจร) ที่จังหวัดลพบุรีอีกหรือไม่ นายสุรนันทน์กล่าวว่า นายกฯ มีหน้าที่บริหารประเทศ และการบริหารประเทศหยุดไม่ได้ เพราะฉะนั้นการดูแลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนยังต่อเนื่อง แต่กระบวนการของสภาก็ต้องดำเนินไป ตรงนี้ถือว่าเป็นบทบาทที่ชัดเจนและนายกฯต้องไม่ละเลยบทบาท ในการบริหารประเทศ เราจะไม่ให้ความขัดแย้งในความคิดบางเรื่องทำให้การบริหารประเทศต้องสะดุดลง คิดว่าตรงนี้จะไม่เป็นประโยชน์ต่อใคร

ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่นายกฯ เรียกฝ่ายความมั่นคงเข้ามารายงานสถานการณ์หลายครั้ง แสดงให้เห็นว่านายกฯมีความกังวลในเรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ต้องการให้เกิดความมั่นใจว่ามาตรการต่างๆจะสามารถดูแลผู้ที่มาชุมนุมเป็นไปตามมาตรฐานสากล มีความละมุนละม่อมและมีการเจรจา เปิดให้มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องคอยย้ำเตือนกันตลอด

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความจำเป็นที่จะต้องประกาศขยายพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพิ่มเติมหรือไม่ นายสุรนันทน์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีแนวความคิดนั้น

ส่วนความกังวลว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะมาปิดล้อมทำเนียบ รัฐสภาหรือไม่นั้น นายสุรนันทน์กล่าวว่า วันนี้ที่เราขอร้องคือประเทศต้องเดินหน้าต่อไปได้ และกระบวนการนิติบัญญัติเดินได้ สภาจะต้องทำงานได้ ศูนย์รวมการบริหารประเทศคือทำเนียบรัฐบาล รวมถึงสถานที่ราชการอื่นๆ ทั้งศาลาว่าการจังหวัด แม้กระทั่งโครงข่ายพื้นฐาน สถานีรถไฟ สนามบิน ถนน ทุกอย่างจะต้องเปิดเพื่อให้ประชาชนที่เป็นอีกหลายส่วนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการชุมนุมสามารถดำเนินชีวิตปกติได้ และไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลเหล่านี้


กำลังโหลดความคิดเห็น