ปธ.ป.ป.ช.เผย คกก.สรรหา ป.ป.จ.32 จว. คัดผู้สมัครแล้วสองเท่า ป.ป.ช.รอสอบประวัติ คาด ธ.ค.รู้ผล จว.ที่เหลือเปิดสมัครสัปดาห์หน้า เพิ่มระเบียบ 15 ข้อ กก.ป.ป.ช. ชี้พบปัญหา จนท.มีความสัมพันธ์ผู้สมัคร แจงรายชื่อที่คัดเลือก รอลงอาญาถือว่าไม่ได้ เว้นลหุโทษ หมิ่นฯ-ประมาท ไม่ขวางวืดรอบแรกมาสมัครฝหม่ แต่ต้องออกจาก ปธ.กก.สรรหา
วันนี้ (25 ต.ค.) ที่กระทรวงมหาดไทย มีการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับการสรรหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตประจำจังหวัด (ป.ป.จ.) โดยมีนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายประสาท พงษ์ศิวาภัย นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. มอบแนวทางดำเนินงาน โดยมีการถ่ายทอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการสรรหา ป.ป.จ.ทั่วประเทศ
นายปานเทพกล่าวว่า ทางคณะกรรมการสรรหา ป.ป.จ.จังหวัดทั้ง 32 จังหวัดได้พิจารณาคัดเลือกผู้สมัครที่สมควรได้รับเสนอชื่อเป็น ป.ป.จ.มาแล้วเป็นจำนวนสองเท่าของจำนวน ป.ป.จ.ที่แต่ละจังหวัดจะมีได้ จากนั้น ป.ป.ช.จะตรวจสอบประวัติบุคคลอย่างละเอียด คาดว่าจะสามารถได้คณะกรรมการ ป.ป.จ.ทั้ง 32 จังหวัดภายในเดือนธันวาคม สำหรับอีก 44 จังหวัดที่เหลืออยู่ระหว่างประกาศรับผู้ที่มาจะสมัคร เราเปิดวันรับสมัครไว้เป็นเวลา 9 วันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. - 5 พ.ย.
นายปานเทพกล่าวอีกว่า ในการสรรหา ป.ป.จ.ระยะแรก พบปัญหาและอุปสรรคนำมาซึ่งการร้องเรียน ดังนั้น ในการคัดเลือก 44 จังหวัดได้ออกระเบียบเพิ่มเติม อีก 15 ข้อ โดยสาระสำคัญ อาทิ กรรมการสรรหาจะต้องไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้สมัครเข้ารับการสรรหา หากตรวจสอบพบจะต้องให้หยุดการทำหน้าที่ นอกจากนี้ ผู้สมัครต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในจังหวัดร่วมติดตามด้วย เป็นต้น
นายประสาทกล่าวว่า จากการคัดเลือก 32 จังหวัด พบปัญหาที่เกิดขึ้น คือ การไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 เนื่องจากคณะกรรมการสรรหา ป.ป.จ. ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะมีความสัมพันธ์กับผู้สมัครเข้ารับการสรรหาในเชิงคู่สมรส ญาติพี่น้อง บุพการีไม่ได้ แต่กลับมีกรณีอย่างเช่น ที่ จ.ตรัง กรรมการสรรหาเลือกผู้สมัครที่เป็นสามีของตัวเอง ที่ จ.ชัยนาท และจ.นครศรีธรรมราช ก็มีกรรมการฯ เลือกผู้สมัครที่เป็นน้องภรรยา หรือที่ จ.ร้อยเอ็ด กรรมการฯเลือกผู้สมัครที่เป็นน้องชาย เป็นต้น
นายประสาทกล่าวว่า รายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาส่งมา ทาง ป.ป.ช.ได้นำรายชื่อดังกล่าวส่งไปตรวจสอบหน่วยงานและองค์กรเกี่ยวข้องกับประวัติอาชญากรรม คดีแพ่ง คดีอาญา ยาเสพติด พฤติกรรมการฟอกเงิน แต่ปรากฏว่ามีบุคคลหนึ่งในอดีตเคยต้องคำพิพากษาลงโทษจำคุก แต่รอการลงอาญา ซึ่งถือว่าเข้าข่ายว่ามีลักษณะต้องห้าม ยกเว้นความผิดลหุโทษ ผิดหมิ่นประมาท หรือกระทำการโดยประมาท แม้จะถูกจะถูกจำคุกก็ไม่เป็นไร ดังนั้น ขอให้กรรมการสรรหาช่วยตรวจสอบให้ละเอียดก่อนด้วย ในฐานะเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่
นายปรีชากล่าวว่า กรณีที่บุคคลที่เคยสมัครเข้ารับการสรรหาเป็น ป.ป.จ.ในระยะแรกของ 32 จังหวัด สามารถมาสมัครในรอบของ 44 จังหวัดได้หรือไม่นั้น ทาง ป.ป.ช.ได้หารือและมีมติว่า บุคคลที่จะสมัครเข้ารับการสรรหา ป.ป.จ.ใน 44 จังหวัดจะต้องลาออกต่อประธานกรรมการสรรหาในจังหวัดเดิม แม้ไม่ได้รับการสรรหาหรือได้รับการสรรหา และต้องมีหลักฐานชัดเจนที่จะมาสมัครใหม่