หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อ้าง รธน.ให้นิรโทษกรรมทุกฝ่าย ยกเว้นใครไม่ได้ โต้ญาติผู้เสียชีวิตม็อบแดง อ้าง พท.หาเสียงเลือกตั้งจะดำเนินการเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ จึงต้องรีบดันล้างผิดก่อนครบวาระรัฐบาล
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะยกความผิดให้กับทุกฝ่ายว่า อยากจะเรียนพี่น้องประชาชนให้ทราบว่า เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายไม่ว่าจะเป็นพระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติ แม้กระทั่งเป็นคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับเรื่องของการนิรโทษกรรม หรือว่าการให้อภัยซึ่งกันและกันนั้น ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา เท่าที่มีนักวิชาการรวบรวมได้ พบว่ามีไม่ต่ำกว่า 22-24 ฉบับ เพราะฉะนั้นนิรโทษกรรมจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ พรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ได้ทำนอกเหนือจากกฎหมายรัฐธรรมนูญให้ไว้ เส้นทางใดที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ทางพรรคและสมาชิกก็ถือปฏิบัติตามทุกประการ
“ตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ตอนนี้เข้า 7 ปีแล้ว บ้านเมืองยังไม่สงบสุขมีความขัดแย้งมาโดยตลอด เราจะก้าวล่วงความขัดแย้งนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่มีการให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่ส่วนจะอภัยกันแค่ไหนมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับตัวกฎหมาย ซึ่งกำลังร่างกันอยู่ แต่หลักของกฎหมายรัฐธรรมนูญก็บอกไว้ชัดเจนว่า การยกร่างกฎหมายนั้นจะยกเว้นคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ การร่างกฎหมายทำเพื่อคนทั้งหมดในภาพรวม เมื่อกฎหมายออกมาแล้วก็ใช้บังคับกับคนทั้งประเทศ ทั้งทุกเหตุการณ์ ถ้าเราเอาเรื่องของคนใดคนหนึ่งมาเป็นเงื่อนไขสิ่งเหล่านี้ก็มีความเห็นที่แตกต่างมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถนำไปสู่ความสงบสุข ยุติความขัดแย้งได้ อยากให้มองว่ามิติภาพใหญ่ของประเทศ อย่าไปเจาะเอาใครคนใดคนหนึ่ง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของญาติผู้เสียชีวิตเขายังไม่ยอมรับในส่วนของร่างกฎหมายนิรโทษกรรม จะตอบคำถามอย่างไร นายจารุพงศ์กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าถ้าเราจะทำอะไรในภาพรวมของประเทศ มัวแต่ไปติโน่นตินี่ก็เลยไม่ได้ทำ จนวันนี้ก็เป็นเวลา 7 ปีแล้วที่ไม่ได้ทำเรื่องนี้ รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ 2 ปีกว่าแล้ว เหลืออีกปีกว่าเท่านั้นเอง ถ้าไม่ทำจะไปตอบชาวบ้าน สังคมเขาได้อย่างไร เพราะหาเสียงมาว่าจะดำเนินการเพื่อให้เกิดการสมานฉันท์กัน ถ้าสิ่งใดที่ไม่สมานฉันท์ก็ต้องดูด้วยเหตุด้วยผล ยืนยันว่าเรามีขั้นตอนมาโดยตลอด พยายามที่จะเดินไปโดยที่ไม่ให้เกิดความรุนแรง ใช้กลไกตามอำนาจหน้าที่ ตามกติกาที่กฎหมายรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อย่างไรก็ใช้และทำตามนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่หากออกเป็นพระราชกำหนดแล้วยุบสภาเลย เพื่อป้องกันไม่ให้ไปตีความที่ศาลรัฐธรรมนูญ แล้ววัดกันที่ผลเลือกตั้งครั้งหน้า นายจารุพงศ์กล่าวว่า ไม่มีคำตอบ เพราะยังไม่ได้คิด วันนี้ต้องการที่จะเห็นบ้านเมืองนี้ เดินไปข้างหน้าได้ ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้เกิดความสงบ เกิดการสมานฉันท์กัน ส่วนว่าการทำนั้นบางคนไม่พอใจเป็นเรื่องที่ไปบังคับไม่ได้ แต่เมื่อเกิดปัญหาต้องยุติกันที่ระบบตามกฎหมายรัฐธรรมนูญคือหน้าที่ของสภา ฝ่ายเองก็ไม่สามารถที่จะไปก้าวล่วงได้ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยจะมีการหารือแน่นอน และมีการหารือกันทุกสัปดาห์ และเดินหน้าไปตามมติที่หารือ
นายจารุพงศ์ยังกล่าวถึงการปรับเปลี่ยนประธานกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎรในส่วนพรรค ว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็ได้มีการประชุมกัน เรื่องการสลับสับเปลี่ยนตามความเหมาะสม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เหตุการเรื่องปรองดอง แต่เป็นข้อตกลงกันอย่างสุภาพบุรุษว่าเทอมสภาจะมีอยู่ 4 ปี และคนเก่ง คนดี มีจำนวนมากก็ให้หารสองกัน เมื่อครบ 2 ปีแล้วก็น่าจะมีการพิจารณาว่าจุดไหนที่ควรจะสับเปลี่ยนเอาคนเก่งอื่นๆ เข้าไปทำหน้าที่ตรงนี้ได้บ้าง ซึ่งเรื่องนี้เป็นกติกาอยู่แล้ว เพราะพรรคเดียวกันทั้งนั้น และก็เป็น ส.ส.ในสภาด้วยกันส่วนผลจะเป็นอย่างไรต้องว่ากันอีกที