“ทักษิณ” ส่งซิกไฟเขียวนิรโทษเริ่มต้นใหม่ ปัดสุดซอย ถามกฎหมาย กรรมการ มีนิติธรรมหรือไม่ อ้างอาเซียนจะมัวปล่อยคนเขารุมอัดหรือ ยันอยู่เมืองนอกอีก 10 ปี ไม่มีปัญหา ลั่นให้อภัยเสมอ หนุนย้อนยุคตั้งแต่ช่วงเมืองไทยรายสัปดาห์ แต่ถ้าอยากทะเลาะต่อก็ไม่เป็นไร แต่ชาติแพ้ แนะมองอนาคต ย้ำถ้ารบไม่ตายก็ไม่จบเกม จวกพวกหน้าด้านพูดคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านหาเรื่อง ยันไม่เคยคิดแต่คิดดอกเบี้ยให้เสร็จ สอน ปชป.ใช้สมอง
มีรายงานว่า เว็บไซต์ นสพ.โพสต์ทูเดย์ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์พิเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องขังหนีคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ประเทศสิงคโปร์ ในหัวข้อ “ทักษิณเดินหน้านิรโทษ” Set zero “ล้างไพ่ใหม่” เมื่อวันที่ 22 ต.ค.โดยระบุถึงกรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า ถึงเวลา Set Zero (เริ่มต้นกันใหม่) หรือยัง ถ้าถึงเวลาอะไรที่มันเป็นผลพวงของความขัดแย้งจนเป็นที่มาของการต่อสู้กัน ใช้กฎหมาย ใช้บุคลากร ใช้การปฏิวัติเพื่อห้ำหั่นกัน สิ่งเหล่านี้มันควรจะต้องเริ่มต้นกันใหม่ แต่ถ้าการทะเลาะเบาะแว้งแบบนี้ไม่เป็นไร อยู่ไปแบบนี้ปล่อยไปเถอะ ก็ไม่ต้องไปทำ กลั่นแกล้งไป ใครได้เปรียบเสียเปรียบ ใครจะล้างแค้นใคร ใครจะลอบทำอะไรต่อไปก็ว่ากันไปแบบนี้ แล้วเมื่อเซ็ตซีโร่ กฎหมายมีหลักความยุติธรรมถูกต้องหรือไม่ คนเป็นกรรมการจะรักษาความเป็นกลางหรือไม่ ถึงแม้ว่าใครจะถูกตั้งมาโดยฝ่ายไหนก็ตาม ต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งหลักนิติธรรม ถ้าเอาตรงนี้เริ่มต้นได้บ้านเมืองก็จะไปรุ่งเรือง
พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า บ้านเมืองจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เราจะยังทะเลาะกันแล้วให้เขามารุมอัดเราอยู่หรือไม่ ความจริงแล้วมันก็เกิดจากความขัดแย้งทั้งนั้น ช่วงนั้นคนไหนได้เปรียบ คนนั้นก็บี้อีกคนหนึ่ง บางคนก็ใช้วิธีบี้ด้วยทหาร ด้วยกฎหมาย ด้วยบุคลากรที่เป็นปรปักษ์ อย่ามาพูดความจริงครึ่งเดียวว่าตอนที่ได้เปรียบแล้วบอกว่า “มึงไม่ดี” ก็มึงได้เปรียบนี่หว่า
“ถามว่าวันนี้จะเริ่มต้น เราจะบอกว่า เอาล่ะ เฮ้ยได้เปรียบ เสียเปรียบจบหมด ทุกอย่างเลิก เริ่มต้นกันให้ถูกต้อง Set Zero แล้วเดินหน้า หรือว่ายังจะทะเลาะกันอย่างนี้ ไม่ได้ กูไม่ไป ก็ต่อยกันอย่างนี้ กูก็ไม่ไป ถามว่าจะเอายังไง ผมไม่มีปัญหา ผมจะอยู่ข้างนอกอีก 10 ปี ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร นี่มันชินแล้ว เมื่อก่อนปีสองปีแรกอาจจะคิดมาก ปีนี้ไม่คิดแล้ว อยู่จนไม่เป็นไร ก็ทำตัวเป็นประโยชน์กับประเทศไทยได้ แต่ว่ามันจำกัดหน่อยแค่นั้นเอง” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังระบุว่า ตนให้อภัยทุกคนที่มาหา คนทำร้าย เพราะตนอยากเห็นบ้านเมืองเริ่มต้นใหม่ เขาขอปี 2547 เนื่องจากสมัยที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินขบวนไล่ตนสมัยเป็นนายกฯ ถ้าเราบอกว่าเริ่มต้นตรงนี้ ไม่เอาตรงนี้ เว้นตรงนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีใครยอมใคร มาถึงปี 2547 ไปจนถึงจบเลยก็ได้ ตราบที่การเมืองมันยังทะเลาะกัน สู้ชนะไม่ได้ ก็ต้องเอาทหารไปตั้งคณะรัฐมนตรีในค่ายทหารก็ทำมาแล้ว วันนี้ต่างคนต่างทำผิด ถามว่าเลิกไหม ถ้าเลิกก็เลิก ไม่เลิกก็ไม่เป็นไร ทุกคนเขาพูดให้มองไปสู่อนาคต คิดถึงลูกหลานบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องของการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถึงแม้เราจะเป็นนักการเมืองต่อให้มีจิตใจเป็นรัฐบุรุษ ในเมื่อทุกอย่างมันจบแล้วไม่มีใครเอาคืน มันคุยกันได้หมด พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย ก็คุยกันได้ มันคนไทยด้วยกัน เป็นศัตรูกันที่ไหน ยกเว้นแต่คนบางคนคิดว่าไม่ใช่คนไทย
เมื่อถามถึงกรณีการคืนเงิน 4.6 หมื่นล้าน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ก็นี่ไงหาเรื่อง ตนยังไม่ได้คิดอะไรเลย จะได้คืนไม่ได้คืนยังไม่รู้ แต่แม่งคิดดอกเบี้ยให้เสร็จแล้ว ทุกวันนี้ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ขนาดเงินทำมาหากินมา เงินขายหุ้นก็ปล้นไป ยังบอกว่าโกงอีก อยากจะพูดอะไรก็พูดคนเราหน้าด้านซะอย่างก็พูดได้ทุกอย่าง วันนี้วิธีคิดต้องคิดภาพใหญ่ก่อนว่าบ้านเมืองจะกลับไปดีได้ยังไงวะ บางประเทศมีฝ่ายค้านอย่างนี้ประเทศนั้นเจ๊งเลยนะ ถ้าไม่เจ๊งเขาก็ยิงเป้าหมด ลองส่งไปเป็นฝ่ายค้านประเทศจีน ไม่จีนเจ๊งก็ฝ่ายค้านถูกยิงเป้า
“แม่ผมสอนนักสอนหนาสู้กับคนเก่งสู้ไปเลย เราจะได้เก่งเท่าเขา แต่สู้กับคนหน้าด้านเราจะสู้ไม่ได้ เพราะเราหน้าไม่ด้านเท่าเขา แม่ผมสอนตั้งแต่ผมเด็กๆ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
เมื่อถามว่า หากไม่มีการเริ่มต้นใหม่แล้วจะแพ้ชนะกันได้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า แพ้ชนะไม่รู้ แต่คนที่แพ้คือประชาชนและประเทศชาติ เรากำลังเอาประเทศที่บอบช้ำให้เขารับช่วงต่อ แต่ลูกหลานมารับประเทศที่บอบช้ำเพราะบรรพบุรุษ ทำความแย่ทิ้งไว้ เพราะอยากเป็นนักการเมืองที่เป็นอาชีพที่พึงแสวงหา จะได้เข้าสู่อำนาจ โดยไม่คำนึงว่าแล้วบ้านเมืองจะอยู่ยังไง ส่วนที่กลัวว่าตนจะเข้าสู่อำนาจนั้น ตนไม่ใช่เป็นคนน่ากลัว ตนพูดรู้เรื่อง แต่ถ้าให้รบกันเนี่ย คำว่าแพ้ผมสะกดไม่เป็น ไม่ตายถือว่ายังไม่จบเกม แต่ถ้าคุยกันระหว่างรบกันก็ยังคุยได้ ตนเป็นคนเดินหน้าและมีเกียร์ถอยหลัง
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงการเจรจาด้วยว่า ที่ผ่านมาไม่มีความพยายามจากพรรค ปชป.เพราะวันนี้ใน ปชป.ก็ยังคุยกันไม่จบ พอถึงสุดท้ายมันขึ้นกับหัวหน้าพรรค กับอดีตหัวหน้าพรรค ที่เป็นพี่เลี้ยงแค่นั้นเอง จริงๆ แล้วมันเกิดจากการต่อสู้ ในเมื่อการเมืองเปลี่ยนระบบเป็นสองพรรค หลังจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ตนเป็นผู้ที่ใช้รัฐธรรมนูญ การต่อสู้ถ้าอยู่ในกติกาก็ไม่เป็นไร อันนี้แพ้ด้วยกติกา ก็เปลี่ยนกติกาก็ยังแพ้อีก ก็ยังจะบิดเบี้ยวอีก แต่สุดท้ายแพ้มาหาเรื่องอีก ถามว่าจะเอาชนะ ต้องชนะใจประชาชน ให้ประชาชนเขาศรัทธาไม่ใช่ขว้างเก้าอี้ในสภา ปิดถนน เผารถตำรวจ แล้วประชาชนจะศรัทธายังไง ใช้สมองหน่อย อย่าใช้อารมณ์
เมื่อถามย้ำถึงกฎหมายนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของหลักการ ตนคิดว่าสภา ได้เสนอแนวทางที่เซ็ตซีโร่ทำให้บ้านเมืองกลับมาดี แต่ถ้า ปชป.ไม่สนใจ ทะเลาะกันแบบนี้ต่อไป ก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องเคารพกติกานะ เมื่อถามว่าการนิรโทษกรรมต้องสุดซอยหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุุว่า อย่าเรียกสุดซอยนะ สุดซอยคือเอาให้เต็มที่ มันไม่ใช่เรื่องเอามัน เป็นเรื่องเริ่มต้นใหม่กันเถอะ เพราะในจังหวะที่การเมืองทะเลาะกัน ข้าราชการไม่ทำอะไรเลยดีกว่า เดี๋ยวผิด กลัวกันไปหมด พอกลัวกันหมดสิ่งที่ไม่ดีก็งอกงาม ตนสงสารชาวบ้าน เด็กขายตัวกัน ติดยากัน คิดไม่เป็น การเรียนการสอนมีปัญหา เพราะมันแก้ปัญหาใหญ่ไม่ได้ การเมืองเขย่ากัน ข้าราชการก็บอกว่าเฮ้ยอยู่เฉยดีกว่า ก็ขับเคลื่อนยากไม่มีกติกา
“ไม่ต้องมากลัวผม 1.ผมไม่แก้แค้นใคร วันนี้ใครที่คิดว่ากลัวผม โกรธผม มาหาผม จะเลี้ยงข้าวให้ 2.อย่าคิดอะไรเกินกว่าว่าลูกหลานที่กำลังจะเกิดขึ้นมาตาดำๆ จะอยู่ในสังคมที่บอบช้ำแบบนี้ต่อไปได้ไหม เราจะทำบาปหรือเปล่า มองตรงนี้ดีกว่า” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว