หน.ปชป.ไม่แปลกใจคลังปลด “สุภา” พ้นจำนำข้าว แต่งง “ปู” บินหนีวันพิพากษาพระวิหาร

“อภิสิทธิ์” ไม่แปลกใจปลัดคลังคนใหม่ปลด “สุภา” พ้น ปธ.ปิดบัญชีจำนำข้าว เชื่อรัฐหนีความจริงไม่พ้น งง “ยิ่งลักษณ์” บินเอธิโอเปียหนีฟังคำพิพากษาคดีพระวิหาร จี้เตรียมความพร้อมหลังคำตัดสิน

วันนี้ (20 ต.ค.) ที่เขตสายไหม กทม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนตัวประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลจากนางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ไปเป็น นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ ที่ได้รับการแต่งตั้งแทน นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ซึ่งถูกย้ายข้ามห้วยไปเป็น เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมพัฒนาระบบข้าราชการ หรือ ก.พ.ร.ว่า ไม่แปลกใจเพราะนางสาวสุภา นำความจริงเกี่ยวกับการขาดทุนจำนำข้าวมาบอกกับสังคม แต่ความจริงนั้นไม่ถูกใจรัฐบาล อย่างไรก็ตามรัฐบาลหนีความจริงไม่พ้น และสุดท้ายโครงการนี้ก็ไปต่อไม่ได้ ไม่ว่าจะมีการปั้นตัวเลขอย่างไร ของจริงคือรัฐบาลขาดทุนจะหลอกประชาชนอย่างไรก็ต้องหาเงินมาอุดในส่วนที่ขาดทุนอยู่ดี ตนเข้าใจว่ารัฐบาลคงหาวิธีการมาอธิบายเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณผลขาดทุน ซึ่งง่ายที่สุดก็จะอ้างว่าข้าวยังไม่ขายคำนวณไม่ได้ แต่ก็หนีความจริงไม่พ้นว่าเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว และเงินที่ใช้หมุนเวียนก็ยังต้องใช้ไม่มีทางจำกัดอยู่ แม้่ว่าจะมีมติ ครม.กำหนดกรอบวงเงินไม่ให้เกิน 5 แสนล้านบาท แต่ก็อาจมีการยกเลิกมติ ครม.ดังกล่าวเพื่อไม่ให้การกระทำของตัวเองฝ่าฝืนมติ ครม.ของตัวเอง

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเอธิโอเปีย ระหว่างวันที่ 10-12 พ.ย.ซึ่งตรงกับวันที่ศาลโลกจะมีคำตัดสินในคดีปราสาทเขาพระวิหาร ระหว่างไทยกับเขมรในวันที่ 11 พ.ย.นั้น ว่า ตนยังไม่ทราบถึงการเดินทางดังกล่าว และไม่รู้ว่าไปทำอะไร สำคัญแค่ไหน ควรจะต้องอธิบายว่าการเดินทางดังกล่าวสำคัญอย่างไร ทั้งนี้การตัดสินของศาลโลกมีความสำคัญกับประเทศไทยมาก โดยเราหวังว่าศาลจะตัดสินไม่ให้เกิดปัญหา ไม่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของศาล เพราะกระบวนการทั้งหมดมีไว้เพื่อลดหรือยุติความขัดแย้ง ดังนั้นศาลต้องดูอำนาจของตัวเองไม่ตัดสินให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น เรื่องนี้เป็นผลประโยชน์สำคัญของชาติ รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อม

“ถ้าผมเป็นนายกฯในขณะนี้ก็คงไม่ตัดสินใจไปนอกประเทศอยู่แล้ว เพราะอยู่ในสมัยประชุมสภาผมจะไม่เดินทางไปต่างประเทศอยู่แล้ว และจะเดินทางไปเฉพาะที่มั่นใจว่าไม่มีภารกิจหรือปัญหาสำคัญที่ต้องดูแลอยู่ เพราะตอนนี้ยังพูดยากเนื่องจากไม่ทราบคำตัดสินแม้จะมีเพียงแค่ 4-5 แนวทาง แต่รัฐบาลก็ต้องเตรียมความพร้อมว่าถ้าออกในแต่ละแนวทางควรจะต้องทำอย่างไรเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศ การที่รัฐบาลตั้งกลไกระหว่างสองประเทศขึ้นมารองรับคำพิพากษาจะเหมือนกับการฮั้วกันล่วงหน้าหรือไม่นั้น รัฐบาลจะเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว