นายกฯ นำทีมตรวจประตูระบายน้ำคลองข้าวเม่า อยุธยา ป้องกันท่วมเขตเศรษฐกิจ พ่อเมือง ชี้เป็นที่ราบลุ่มเสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง 5 หมื่นกว่าครัวเรือนกระทบ ตอนนี้ลดแล้ว เร่งฟื้นฟู ปธ.กบอ. เผยทำคลองสายใหม่ อ.บางไทร แก้น้ำท่วมพร้อมเป็นทางคมนาคม เล็งขุดลอก-ทำแก้มลิง ฟันธง 2-3 ปีหน้าเลิกท่วม “ปู” รับมาให้กำลังใจ ปชช. ขอทนอีดนิด สั่งผู้ว่าฯ-ส.ส.ดูแล ก่อนไหว้เจ้าอาวาสวัดป่าโค อวยเป็นนายกฯ ตลอดไป
วันนี้ (17 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมด้วย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม เดินทางมาตรวจประตูระบายน้ำคลองข้าวเม่า ข้างวัดกระสังข์ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจประตูระบายน้ำป้องกันน้ำท่วมเขตเศรษฐกิจ
โดยนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าฯ จ.พระนครศรีอยุธยา สรุปสถานการณ์ว่า เนื่องจาก จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นพื้นที่ราบลุ่มทำให้มีความเสี่ยงที่น้ำจะล้นตลิ่ง มีครอบครัวที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 55,328 ครัวเรือน ซึ่งได้มีการเยียวยาและได้รับแจกถุงยังชีพไปรอบแรกแล้ว ซึ่งขณะนี้น้ำได้ลดลงและคาดว่าในเดือน ต.ค.จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยทางจังหวัดจะเร่งดำเนินการตรวจสอบความเสียหายและเข้าไปฟื้นฟูเยียวยา
ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวว่า จะมีการทำคลองสายใหม่ใน อ.บางไทร ระยะทาง 23 กิโลเมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมกลางเมืองอยุธยา ซึ่งจะเป็นการสร้างเส้นทางคมนาคมสายใหม่ด้วย นอกจากนี้จะขุดลอก อ.ท่าเรือ และใช้พื้นที่ อ.บางบาล และ อ.บางไทร ทำแก้มลิง ซึ่งถ้าดำเนินการทั้งหมดแล้วเสร็จจะทำให้พื้นที่ 4 ตำบล 20 กว่าตำบลในอีก 2-3 ปีข้างหน้าน้ำจะไม่ท่วมอย่างแน่นอนถ้าน้ำไม่ท่วมโลก
ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า ได้เดินทางมาเป็นกำลังใจประชาชน เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่นี้ได้เจอสถานการณ์น้ำท่วมหนักเมื่อปี 54 มาไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ขอฝากไปยังผู้ว่าฯในการแก้ไขปัญหาดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยขอให้ผู้ว่าฯ แบ่งโซนในการทำงานดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และให้สำรวจไร่นาที่ได้รับความเสียหาย พร้อมฝากให้ ส.ส.ในพื้นที่รับเรื่องราวร้องทุกข์และจัดทำรายงานมายังผู้ว่าฯ เพื่อช่วยเหลือได้ทันท่วงที อย่าให้มีช่องว่างหลังน้ำลด และขอให้หน่วยงานเร่งเข้าไปฟื้นฟู โดยปีนี้รัฐบาลจะเร่งทำงานให้เร็วขึ้น ขอให้ประชาชนอดทนอีกนิด พายุเริ่มสงบแล้วเราจะผ่านไปได้
จากนั้น เวลา 15.10 น. นายกฯ พร้อมคณะเดินทางไปยังวัดป่าโค ต.บ้านเกาะ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อพบปะประชาชนและมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยริมคลองบ้านม้า ทั้งนี้ พระอธิการยอดชาย สุนทโร เจ้าอาวาสวัดป่าโค ได้มอบพระปางนาคปรกวัดป่าโค หน้าตัก 9 นิ้ว และเหรียญบารมีพุทธซ้อนหลวงพ่อกลั่น หลวงปู่ดู่ ให้กับนายกฯ พร้อมให้พรว่า “ขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชนตลอดไป และขอให้เป็นายกฯ 8 ปี 12 ปี และเป็นขวัญใจประชาชนเช่นนี้ตลอดไป”
ต่อมา เวลา 16.20 น. นายกฯเดินทางมายังวัดชัยสิทธาวาส ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เพื่อตรวจและติดตามสถานการณ์น้ำ โดย นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าฯปทุมธานี กล่าวสรุปว่า การบริหารจัดการน้ำทางด้านตะวันออกเพื่อไม่ให้น้ำไหลท่วมซ้ำเติมในจ.ปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา ได้ปล่อยน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านทางกทม. หนองจอก และมีนบุรี ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างดี ทั้งนี้น้ำในปีนี้จะไม่ท่วมใน อ.บางกระดี อ.บ้านใหม่ รวมถึงย่านนิคมอุตสาหกรรมก็จะไม่ท่วม เพราะเราจะขุดลอกคูคลองและปิดล้อม
ต่อจากนั้น เวลา 17.40น. น. นายกฯพร้อมคณะ ได้ลง เรือจากอ.สามโคก เดินทางต่อมายังวัดไผ่ล้อม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยนายกฯกราบนมัสการพระอธิการทิน สุนทโร เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ซึ่งได้มอบพระอุปคุตจำลอง พร้อมด้วยคาถาบูชา โดยกล่าวว่า พระอุปคุตมีพุทธคุณในการปราบพญามารทุกอย่าง องค์พระอุปคุตนั้นมีตำนานว่าทรงอยู่ที่ใต้สะดือทะเล ขอให้นายกฯไปบูชาพร้อมคาถาจะทำให้สามารถผ่านอุปสรรคอันตรายและชนะมารต่างๆได้ที่สำคัญขอให้ตั้งใจทำงานบริหารงานอย่างตั้งใจ อย่าไปสนใจหรือฟังเสียงนินทาว่าร้าย ก็จะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้
โดย นายกฯสนทนาธรรมเจ้าอาวาสว่า ขณะนี้ทางจังหวัดและกรมชลประทานได้เร่งดำเนินการสร้างประตูกั้นน้ำตามคลองต่างๆ และหลังน้ำลดขอให้ทางจังหวัดและกรมชลประทานเร่งสำรวจพื้นที่เพื่อดำเนินการสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่ชั้นใน ซึ่งจ.ปทุมธานี และนนทบุรีถือเป็นเมืองหน้าด่านที่ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองหน้าด่าน รัฐบาลจะเร่งสำรวจเพื่อสร้างแนวป้องกันให้สมบูรณ์ไม่ให้เกิดช่องโหว่ได้
จากนั้นนายกฯได้พบปะเยี่ยมเยียนประชาชนและมอบถุงยังชีพก่อนเดินทางกลับในเวลา 18.15น.
