ประธานวิปฝ่ายค้านเชื่อประชุมรัฐสภาแก้ ม.190 ไม่วุ่นถ้าไม่ปิดกั้นอภิปราย ซักทำสัญญาพลังงานไม่เข้าสภาส่อเอื้อทุนใครหรือไม่ แถมถอนเซ็นเอ็มโอยูมีผลต่อเขตแดนออกจากกฎหมาย ยัน ส.ส.ไปร่วมม็อบใต้ทางด่วนก็เป็นสิทธิ แต่พรรคไม่เกี่ยว
วันนี้ (15 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน ระบุถึงการประชุมรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ว่าเบื้องต้นได้กำหนดกรอบเวลาอภิปรายเวลา 10.00-22.00 น. ส่วนจำนวนวันยังไม่ได้กำหนดชัดเจน หากไม่แล้วเสร็จก็สามารถนัดประชุมต่อในวันอื่นได้ ซึ่งฝ่ายค้านมีผู้สงวนคำแปรญัตติกว่า 100 คน ขณะนี้มีผู้ประสงค์อภิปราย 40 คนที่จะใช้สิทธิ์อภิปราย ทั้งนี้เชื่อว่าการอภิปรายจะไม่ยืดเยื้อและไม่เกิดปัญหาวุ่นวายในสภา หากไม่มีการปิดกั้นการใช้สิทธิ์อภิปรายของสมาชิก เพราะที่ผ่านมาเกิดปัญหา เนื่องจากตัดสิทธิ์อภิปราย
ประธานวิปฝ่ายค้านระบุอีกว่า การแก้ไขมาตรา 190 มีความไม่ชอบมาพากล 2 เรื่อง คือ ร่างเดิม หากเข้าข่ายการทำสัญญาทางทรัพยาการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา แต่มีการแก้ไขว่าไม่ต้องผ่าน ตนมองว่าเกี่ยวของกับด้านพลังงาน ก๊าซธรรมชาติ จึงสะท้อนให้เห็นว่า มีการเอื้อธุรกิจด้านพลังงานของกลุ่มบริษัทใดหรือไม่ และร่างเดิมที่มีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขตนอกประเทศ ซึ่งไทยมีอำนาจอธิปไตย โดยศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าหากมีการออกแถลงการณ์ร่วมที่มีลักษณะกัมพูชานำไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกต้องผ่านสภาก่อนเช่นกัน แต่ร่างที่แก้ไขใหม่เขียนชัดเจนว่าไม่ต้องผ่านสภานั้นเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม การอภิปรายไม่ไว้วางใจกำลังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมข้อมูล และจะเปิดอภิปรายทันสมัยการประชุมนี้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. บริเวณใต้ทางด่วนแยกอุรุพงษ์นั้น เพราะเห็นว่ารัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว จนทำให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง เพราะรัฐบาลไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน มุ่งแต่แก้ไขรัฐธรรมนูญและออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งการที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงต่อประชาชนที่ชุมนุมภายใต้รัฐธรรมนูญ ปราศจากอาวุธนั้น ถือว่าประกาศเกินกว่าความจำเป็น ทั้งนี้ มี ส.ส.ของพรรคได้เดินทางไปให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุม ถือเป็นสิทธิและเป็นเรื่องปกติ พร้อมยืนยันว่าพรรคไม่ได้อยู่เบื้องหลังการชุมนุม
