“ปู” นั่ง ปธ.ประชุมร่วมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไฟฟ้า แอร์ ยกมีความสำคัญ ศก.ไทย สร้างรายได้ชาติ ชี้ความท้าทายผู้บริโภคเปลี่ยนตามเทคโนโลยี ขอฟังปัญหาเพื่อเตรียมรับAEC รัฐพร้อมหนุน เชื่อเติบโต พร้อมแจกหนังสือที่ใช้เผยแพร่นักลงทุน ตปท. “ธีรัตน์” แจงนายกฯ สั่งงาน ก.ที่เกี่ยวข้องช่วย ตั้งเป้าเห็นลงทุนที่เป็นเม็ดเงินโดยตรงเพิ่ม เรียกอธิบดี ปภ.รายงานน้ำท่วม ก่อนลงปราจีนฯ-ฉะเชิงเทรา พรุ่งนี้
วันนี้ (14 ต.ค.) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องปรับอากาศ โดยมีนายพีรพันธุ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที, นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ, นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงประธานสภาอุตสาหกรรมและประธานสภาหอการค้าไทย โดยนายกฯ ได้กล่าวก่อนเริ่มการประชุมว่า อุตสาหกรรมกลุ่มไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องปรับอากาศมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เป็นกลุ่มสำคัญของรายได้ส่งออก สร้างรายได้ให้กับประเทศมากโดยเฉพาะปี 2554 แม้จะมีอุปสรรคอุทกภัย ก็ยังแก้ไขฟื้นฟูได้ และวันนี้มีความท้าทายด้านอื่นเข้ามา อาทิ เรื่องของเทคโนโลยีมีความเปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนทิศทางการใช้ ดังนั้นภาครัฐจะขอรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะต้องเตรียมแข่งขัน ให้เข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย ซึ่งภาครัฐพร้อมส่งเสริมธุรกิจภาคเอกชน ให้เติบโตและแข็งแรงพร้อมเชื่อว่าอุตสาหกรรมด้านนี้มีฝีมือที่จะรองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมกันนี้นายกฯ ได้แจกหนังสือที่ใช้ชื่อว่า “Modern Thailand” ที่เป็นการรวบรวมเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทย ที่ได้จากการเก็บข้อมูลรวบรวมจุดแข็งของประเทศไทย ที่จะใช้ในการเผยแพร่กับนักลงทุนต่างประเทศ
นายธีรัตน์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างการประชุมนายกฯ ได้กล่าวกับผู้ประกอบการว่าจะมอบหมายให้กระทรวงไอซีทีไปดูรายละเอียดในการจัดซื้ออุปกรณ์ของภาครัฐว่าจะสนับสนุนสินค้าจากเอกชนในประเทศอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังได้ย้ำว่านโยบายส่งเสริมการลงทุนจะเป็นการปรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ให้สอดคล้องกับสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยพร้อมรับฟังทุกความเห็นจากเอกชน ส่วนเรื่องของแรงงาน อยากให้ผู้ประกอบการเร่งดำเนินการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว เพราะปัจจุบันภาครัฐได้ขยายสิทธิในการดูแลด้านสาธารณสุข การศึกษาให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อแรงงานต่างด้าวโดยตรง พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ จัดการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าไทยให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังหามาตรการในการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่เป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องกับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพราะปัจจุบันยังมีปัญหาเรื่องการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อน การคืนภาษีล่าช้า อีกทั้งนายกรัฐมนตรียังได้เร่งรัดกระบวนการพิจารณาใบ รง.4 โดยส่งรายชื่อบริษัทที่ยังติดขัดไปยังคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. หรือแม้แต่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งแก้ไขปัญหา ให้เจ้าหน้าที่ชี้แจง เพราะรัฐบาลต้องการเห็นการลงทุนที่เป็นเม็ดเงินลงทุนโดยตรงมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุม นายกฯ ได้เรียกนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้ารายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาพรวมโดยเฉพาะ จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.ปราจีนบุรี โดยมีนายจาตุรนต์ ฉายแลง รมว.ศึกษาธิการ และในฐานะคนในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เข้าร่วมรับฟัง ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เวลา 13.30 น. นายกฯ และคณะจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์จาก พล.ม.2 ไปยัง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี และอ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา และเดินทางกลับในช่วงเย็นวันเดียวกัน
จุดแรกที่นายกรัฐมนตรีและคณะจะลงพื้นที่ คือวัดบ้านสร้าง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีรายงานสถานการณ์พื้นที่ประสบอุทกภัย จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะพบปะและลงเรือเพื่อแจกถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ก่อนที่จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมบินตรวจภูมิประเทศทางอากาศพื้นที่ตำบลโยธะกา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อดูการสร้างคันกันน้ำระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตรของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชน
นายธีรัตถ์ กล่าวต่อว่าในเวลา 16.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางถึงโรงเรียนดาราจรัส อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรารายงานสถานการณ์พื้นที่ประสบอุทกภัย จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะพบปะและลงเรือเพื่อแจกถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในวันเดียวกัน