เกาะกระแส
00 ทำไปทำมาม็อบกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ และกองทัพธรรม ที่ก่อนหน้านี้ฝ่ายรัฐบาล"เย้ยหยัน"ปรามาสว่า "ไร้น้ำยา" กลับกลายเป็นว่ากำลังทำให้รัฐบาลในระบอบขี้ข้าท้กษิณ กำลัง "หัวหมุน"หวาดผวา เหมือนกับเห็นลมพัดใบไม้ไหว แค่นั้นก็ "กระชับอาวุธ"หลบกันวูบวาบแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นการใช้ พรบ.ความมั่นคงเป็นเครื่องมือ แล้วระดมตำรวจมาจากทั่วประเทศนับหมื่น ให้ทิ้งงานอื่นทั้งหมดแล้วสั่งให้ "เข้ากรุง" เพื่อรอ "ทุบม็อบ" บางทีเห็นแล้วมันก็ตลก แต่ก็ตลกไม่ออก เพราะสิ่งที่เห็นมันสะท้อนให้เห็นว่า ยิ่งรัฐบาล "ลุอำนาจ" ประสาทเสียมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้น่ากังวลว่าชาวบ้านจะตกเป็น"เหยื่อแห่งความกลัว"เหล่านั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็มองเห็นได้ทันทีว่า "จุดจบ"กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว แม้ว่าอาจจะไม่จบลงไปทันที แต่ถ้านาทีใดก็ตามที่ สั่งการให้ "ทุบ" หรือสลายการชุมนุม เมื่อนั้นแหละ "ความเสื่อมถอย"ของรัฐบาลก็จะบังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่เชื่อก็คอยดูกันไป
00 ขณะเดียวกันการบังคับใช้ พรบ.ความมั่นคงฯ คราวนี้ถือว่าเป็นการ "ลุแก่อำนาจ" เป็นการใช้พร่ำเพรื่อ ไม่สมเหตุสมผล เป็นการใช้กม.พิเศษลิดรอนสิทธิชาวบ้านที่เป็นการแสดงออกตามกฎหมาย ไม่ได้มีทีท่าที่จะก่อความรุนแรง เป็นการบังคับล่วงหน้า เป็นลักษณะเกิดขึ้นตามอารมณ์หวาดผวา ตามความ"คิดไปเอง"ของฝ่ายรัฐบาล เป็นการสนองตอบ และเสนอหน้าของบรรดา"ขี้ข้า"ที่รองรับอารมณ์ของ "นาย" เท่านั้น และงานนี้คนที่ต้องชี้หน้าด่าก็จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่หมดสิ้นแล้วซึ่งศักดิ์ศรี ส่วน ผบ.ตร.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ ผบ.ชน. ที่"ได้ดีเพราะพี่ให้" คนพวกนี้เมื่อรับรู้ที่มาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะกระเหี้ยนกระหือรือที่เห็นชาวบ้านพวกนี้เป็นศัตรู แต่ในเมื่อมากับการเมืองทรราชย์ มันก็ถึงคราวเสื่อม ทุกอย่างมันก็จะเป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง
00 ชอบใจถ้อยคำที่เหมือนกับกลั่นออกมาจากก้นบึ้งของ พล.ต.มจ.จุลเจิม ยุคล "ท่านใหม่" ที่ทนเห็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของรัฐบาล ที่ระดมกำลังตำรวจนับหมื่นนายเข้ามาในกรุง มีเจตนาเหมือน "คิดไม่ซื่อ" นอกจากแสดงพลังข่มขู่ชาวบ้านทั่วไปแล้วมีเจตนาข่มขู่ คุกคาม สกัดกั้น องค์กรอื่นที่ใช้อำนาจอธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น ศาล รัฐสภา ฝ่ายค้าน และที่สำคัญนี่คือการแสดงเจตนาข่มขู่คุกคาม "สถาบันหลักที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณของปวงชนชาวไทย" ขณะเดียวกันได้เตือนให้กองทัพโดยเฉพาะผู้นำมหารในกรุงเทพฯมีความ"ตระหนัก"ว่าต้องมีหน้าที่ในการปกป้อง "สถาบันกษัตริย์" ซึ่งรวมถึง "พระบรมวงศานุวงศ์" ให้ปราศจากการข่มขู่คุกคาม มิฉะนั้นก็อาจจะ "เสียสัตย์"ที่ให้ไว้ต่อ "องค์ประมุข" บางทีถ้าเห็นอะไรชัดเจนมันก็ต้องโพล่งออกมาแบบนี้แหละ !!
00 มาพิจารณากันถึงความห่วยแตกของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เห็นได้ชัดเจนกันอีกสักเรื่อง นั่นคือการบริหารจัดการเรื่องการ "ป้องกันน้ำท่วม" และ "การเยียวยาหลังน้ำลด" เพราะหากจะว่าไปแล้วปริมาณน้ำในปีนี้เมื่อเทียบกับปี 54 นั้นเทียบกันไม่ได้เลย และที่สำคัญคือ "การเตือนภัย" ที่แม้จะเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก แต่กลับกลายเป็นว่าปีนี้เกิดน้ำท่วมหนักในภาคตะวันออก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ที่ไม่เคยท่วมมาปีนี้ก็ท่วม จากเดิมพวกนักลงทุนที่เคยหนีน้ำท่วมจากอยุธยา ปทุมธานี มาลงทุนใหม่ที่นี่แต่เมื่อมาเจอกับเรื่องไม่คาดฝันอีก คงจะขวัญเสียไปอีกนาน หรือแม้แต่ภาคอีสานที่ปีนี้แม้ปริมาณน้ำฝนจะไม่มากนัก แต่ท่วมจนอ่วม รวมไปถึงภาคกลาง ก็ไม่ต่างกัน ความเสียหาย ยอดผู้เสียชีวิต กลับมีมากเกิน 30 คน ดูแล้วน่าตกใจ
00 อาจเป็นเพราะเทวดาโกรธ "เจ้าปลอด" ปลอดประสพ สุรัสวดี ที่รับงานดูแลเรื่องน้ำ คุยโม้ว่า "เอาอยู่" ไม่มีปัญหา แถวภาคตะวันออกท่วมไม่เกินสองวันเดี๋ยวน้ำก็ลด แต่ห่านมาเป็นสัปดาห์ก็ยังทรงตัว บางแห่งยังมีปริมาณเพิ่มขึ้น ทำให้ตอกย้ำให้เห็นว่าไอ้นี่ "มันบ้า"ป่าววะ เพราะไปที่ไหนป่วนที่นั่น พูดทีไรก็เกิดเรื่องทุกที เออ แต่คนแบบนี้หาได้ไม่ยากในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หาได้ไม่ยากในบรรดา "ขี้ข้า"ของ ทักษิณ ชินวัตร ทีนี้ถามว่าเมื่อน้ำท่วมก็ท่วมไป เสียหายก็เสียหายไปเพราะ"เอาไม่อยู่แล้ว" แต่ทีนี้อยากรู้ว่าเมื่อหลังน้ำลดแล้วจะช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านตาดำๆอย่างไรบ้าง หรือจะปล่อยไปตามยะถากรรม ให้เป็นเรื่องธรรมชาติ หรือว่ามัน "ถังแตก" ไม่กล้าพูดเรื่องเงินกันแล้ว ทุด !!