โฆษกกลาโหมเผยรัฐมนตรีสั่งช่วยน้ำท่วม 25 จว. ติดตามสถานการณ์น้ำ สรุปจัดทหาร 12,835 นายลงพื้นที่ พร้อมระดมยุทโธปกรณ์ช่วยประชาชน
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2556 พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศในห้วงวันที่ 2 ตุลาคม 2556 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนกลาง และร่องมรสุมนี้จะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่างภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 2-6 ตุลาคม 2556 ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ในระยะนี้ ประกอบกับสถานการณ์อุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และน้ำระบายไม่ทัน ใน 21 จังหวัด ตลอดจนน้ำล้นตลิ่งใน 4 จังหวัดนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังซึ่งที่ผ่านมาได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนและมอบสิ่งของเพื่อช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์ให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ หน่วยขึ้นตรงศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม เร่งให้การช่วยเหลือ และสนับสนุนส่วนราชการต่างๆ ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั้ง 25 จังหวัดโดยเฉพาะในจังหวัดที่ยังมีน้ำท่วมขังสูงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และ บุรีรัมย์ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ในพื้นที่ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรี ที่ยังคงมีบางพื้นที่ประสบอุทกภัยใน 7 อำเภอ และในบางพื้นที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เข้าสู่สภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของเหล่าทัพ ยังคงจัดกำลังพล ยุทโธปกรณ์ อำนวยความสะดวกในการเดินทางสัญจร และฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมขัง ทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆ ในอำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอเมือง
พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหมและศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ได้สรุปการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน กล่าวคือ จัดกำลังพล จำนวน 12,835 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ รถยนต์บรรทุกขนาดต่างๆ จำนวน 225 คัน เรือจำนวน 2,170 ลำเครื่องสูบน้ำ จำนวน 885 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 58 เครื่อง และอากาศยาน จำนวน 5 ลำ นอกจากนี้ได้มีการประสานงานร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ นำสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ได้แก่ สิ่งของพระราชทาน 26,965 ชุดเครื่องอุปโภคบริโภค 69,541 ชุด น้ำดื่ม 132,220 ขวด ยาและเวชภัณฑ์ 77,930ชุด เต็นท์ 175 หลัง (ภารกิจศูนย์พักพิงชั่วคราว) สุขาเคลื่อนที่ 86 ห้อง โดยขณะนี้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหมและหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ยังคงจัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและสนับสนุนส่วนราชการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วงตั้งแต่ 2-5 ตุลาคม 2556 จะมีร่องมรสุ่มพัดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ลักษณะเช่นนี้อาจจะทำให้พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการระบายน้ำจากพื้นที่ภาคเหนือรวมกัน ทำให้มีปริมาณน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครเพิ่มมากขึ้นนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สั่งการและมอบหมายให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์ เตรียมพร้อมในการประสานงานร่วมกับสำนักงานเขตต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้การระบายน้ำในพื้นที่เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยปัจจุบันได้เตรียมการสนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือจำนวน 28 เครื่อง สนับสนุนกรุงเทพมหานคร บริเวณคลองบางเขน 12 เครื่อง คลองทวีวัฒนา 2 เครื่อง คลองพระยาราชมนตรี 2 เครื่อง คลองลำปลาทิว 4 เครื่อง คลองหัวตะเข้ 4 เครื่อง คลองลาดกระบัง 2 เครื่อง และคลองประเวศบุรีรมย์ 2 เครื่อง และติดตั้งในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี14 เครื่อง อย่างไรก็ตาม กองทัพยืนยันว่าจะยังคงติดตามประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และให้ความช่วยเหลือต่อไป แม้จะเป็นในช่วงที่ระดับน้ำลดลงแล้ว โดยจะระดมสรรพกำลังและยุทโธปกรณ์ที่กองทัพมีอยู่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน นำความเป็นปกติในการดำเนินชีวิตประจำวันกลับมาสู่ พี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด และจะอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนเพื่อให้สมกับคำว่าเป็นกองทัพของประชาชน