นายกฯ-รมว.กลาโหม สั่งกองทัพเร่งระดมกำลังพล-ยุทโธปกรณ์ ช่วยเหลือประชาชนจันทบุรี ตราด นครราชสีมา ระนอง ที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมฟื้นฟูพื้นที่น้ำลด
วันนี้ (25 ก.ค.) พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า จากการที่เกิดอุทกภัยใน จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ในขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของทุกเหล่าทัพเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทันที โดยในส่วนของกองทัพได้ดำเนินการดังนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย (ศบภ.บก.ทท.) จัดกำลังพล รถลำเลียงพล รถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก และเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ ในการขนย้ายสินค้าทางการเกษตร ร่วมกับ อบต.เทพนิมิต นำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ เข้าช่วยเหลือราษฎร ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ขนย้ายสุกร ในพื้นที่ อ.บ่อไร่ และ อ.เมือง จ.ตราด ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก (ศบภ.ทบ.) จัดกำลังพลพร้อมยานพาหนะช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา และจัดกำลังพล พร้อมรถยนต์ ขนาด 2 ตันครึ่ง จำนวน 3 คัน เข้าช่วยเหลือบ้านของราษฎรที่ถูกต้นไม้ล้มทับได้รับความเสียหาย และขนย้ายสิ่งของให้กับราษฎรในพื้นที่ อ.เมือง จ.ระนอง ปัจจุบัน ศบภ.ทบ.มีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากเมื่อเกิดเหตุการณ์สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันที
พ.อ.ธนาธิป กล่าวต่อว่า ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ (ศบภ.ทร.) จัดกำลังพลจำนวน 80 นาย พร้อมยานพาหนะ เรือท้องแบน ออกช่วยเหลือราษฎรในการขนย้ายทรัพย์สิน และช่วยเหลือยานพาหนะของราษฎรให้ผ่านถนนที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งรถยนต์ไม่สามารถผ่านไปมาได้ ในพื้นที่ อ.บ่อไร่ จ.ตราด และได้กำหนดระดับความพร้อมของเรือหลวงสุโขทัย เรือหลวงอ่างทอง เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ ตลอดจนนักทำลายใต้น้ำ (นทต.) จู่โจม ให้พร้อมออกปฏิบัติการในหน้าที่หมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเลกองทัพเรือ พร้อมปฏิบัติภายใน 48 ชั่วโมง นอกจากนี้กองทัพเรือยังจัดกำลังพลและอุปกรณ์ พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ โดยสามารถขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยทหารเรือที่ใกล้ที่สุด หรือโทร.สายด่วน 1696 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการดูแลแก้ปัญหาเมื่อวันที่ 25 ก.ค.มีการเตรียมกำลังพลกว่า 500 นาย ช่วยเหลือประชาชนพร้อมแจกถุงยังชีพพระราชทานของโครงการเพื่อนพึ่งภาฯยามยาก รวมทั้งจากองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ในพื้นที่ ต.พลับพลา อ.ขลุง เทศบาลเมืองจันทบุรี จำนวนประมาณ 5,000 ชุด นอกจากนี้ได้ออกสำรวจบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบเสียหาย รวมทั้งพื้นที่การเกษตร เพื่อวางแผนร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีในการหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป สำหรับพื้นที่ที่น้ำลดระดับลงแล้วได้ระดมกำลังพลเข้าฟื้นฟู ขนย้ายสิ่งของ ทำความสะอาดในพื้นที่ รวมถึงการล้างถนน และสาธารณูปโภคให้กลับเข้าสู่สภาพปกติ