“วิภูแถลง” เพิ่งโผล่แจงคลิปแดงแฉอมร้อยล้าน “แม้ว” โอนแจกสาวก ยันไม่จริง รับ “อีไก่” เป็นภรรยา รู้แล้วเป็นใคร คาดฝีมือพวกนอกประเทศ ไม่แจ้งความเจ้าตัวแต่ขู่ฟ้อง “ศิริโชค-ชวนนท์” แทน เชื่อต้นเหตุไม่พอใจรัฐเมินแก้ ม.112 ยันไม่เคยสัญญาว่าจะทำ จวกใช้คำสู้แล้วรวยดิสเครดิต พูดมาได้ นปช.ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกับเพื่อไทย หยันลูกไม้ตื้นไม่มีใครบ้าโอนเข้าบัญชี ส.ส. ย้ำไม่เคยเม้ม ป้อง “อำมาตย์เต้น” โวยใครจะบ้าเอาสาวมานอนในตู้หลังเวที โอดทีวีแดงหยาบแต่ดูแลไม่ได้
วันนี้ (2 ต.ค.) นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรณีคลิปวิดีโอการจัดรายการของคนเสื้อแดงที่อังกฤษผ่านอินเทอร์เน็ตและมีการอัปโหลดขึ้นบนเว็บไซต์ยูทิวบ์ กล่าวหาว่า “อีไก่” ภรรยาของตน ไปพูดในวงเหล้าระหว่างงานวันเกิดของนางระพีพรรณ พงษ์เรืองรอง ภรรยาของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ว่านายใหญ่โอนเงินค่าเยียวยาเข้าบัญชีตน 100 ล้านบาทว่าไม่เป็นความจริง พร้อมกับระบุว่าเห็นคลิปนี้มา 1 สัปดาห์แล้วแต่ไม่ได้ใส่ใจดูในรายละเอียด เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเท็จที่คนไม่เชื่ออยู่แล้ว อย่างไรก็ตามกลับมีการขยายผลโดยบลูสกายแชนแนลในรายการสายล่อฟ้า ที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินรายการ จึงต้องออกมาชี้แจงเพราะเกรงว่าคนเสื้อแดงอาจเข้าใจผิด ทั้งนี้ตนยอมรับว่า “อีไก่” ในคลิปนั้นเป็นภรรยาของตนจริง และรู้ที่มาของคลิปนี้แล้วว่าผู้ดำเนินรายการใช้ชื่อว่า “สะใภ้” เป็นใคร โดยมีความมั่นใจถึง 90% แต่ไม่คิดที่จะเอาความหรือดำเนินคดี และยอมรับว่าผู้ใช้นามว่า “สะใภ้” เป็นคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวในอังกฤษ แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ โดยบุคคลดังกล่าวได้พยายามกล่าวหาตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แกนนำเสื้อแดงมาอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดมาถึงตน จึงเชื่อว่าจะยังมีขบวนการกล่าวหาออกมาอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว หรือเรื่องเงิน เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่คนพร้อมจะเชื่อ
“คำกล่าวหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมีความขัดแย้งในกลุ่มคนเสื้อแดงต่างแดน เนื่องจากมีแนวทางที่แตกต่างจาก นปช.ส่วนกลาง โดยไม่พอใจที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมาตรา 112 และไปคิดว่ารัฐบาลไม่ทำตามสัญญา ทั้งๆ ที่รัฐบาลไม่เคยสัญญาว่าจะแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่อย่างใด นอกจากนี้ก็มีบางคนรู้สึกว่า พวกผมต่อสู้กันมา หลายคนได้เป็น ส.ส. บางคนได้เป็นรัฐมนตรี จนทำให้มีบางคนไม่พอใจว่า “สู้แล้วรวย” “สู้แล้วได้เป็นอำมาตย์” จึงดิสเครดิตทำลายความน่าเชื่อถือแกนนำเพื่อทำลายขบวนการของ นปช.ให้อ่อนแอลง แม้ผมจะเห็นใจคนที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 เพราะเป็นเหตุจูงใจทางการเมือง แต่หลายเรื่องรัฐบาลมีข้อจำกัดไม่ใช่ทำตามใจตัวเองได้ทุกเรื่อง อยากให้เข้าใจนายกฯ ด้วยว่าจะต้องเป็นนายกฯ ของทุกฝ่าย รัฐบาลก็ไม่สบายใจกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงบางกลุ่ม แต่ก็ควบคุมไม่ได้ จึงไม่อยากให้สังคมผูกพรรคเพื่อไทย รัฐบาลโยงกับ นปช.เพราะไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันและมั่นใจว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะไม่ล้มเพราะคนเสื้อแดง” นายวิภูแถลงกล่าว
นายวิภูแถลงกล่าวด้วยว่า วิธีการกล่าวหาเรื่องการโอนเงินเข้าบัญชีตนนั้นตื้นเขินเกินไป และขาดความน่าเชื่อถือ เพราะไม่มีใครจะโอนเงินเข้าบัญชี ส.ส.เนื่องจากต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. พร้อมกับยืนยันว่าไม่เคยเม้มเงินนายใหญ่ตามที่มีการกล่าวหา ซึ่งตนหวังว่าคนเสื้อแดงจะเข้าใจในสิ่งที่ตนชี้แจง เพราะสู้มา 7 ปี ไม่เคยสู้แล้วรวย มีแต่รวยเพื่อนและพวกเท่านั้น ทั้งนี้ยังทราบด้วยว่าในขบวนการ นปช.มีบางส่วนที่รู้สึกว่าแกนนำได้ดีเป็นอำมาตย์ จึงอยากชี้แจงว่า แม้แกนนำบางคนจะมีสถานะตำแหน่งที่สูงขึ้น เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ หรือแม้แต่ตนที่ได้เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็น “อำมาตย์” เพราะคำว่า “อำมาตย์” อยู่ที่จิตสำนึกไม่ใช่สถานภาพหรือตำแหน่งในทางสังคม
“กรณีที่มีการกล่าวหานายณัฐวุฒิเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวระหว่างการชุมนุมนั้น ผมขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตู้คอนเทนเนอร์ที่อยู่หลังเวทีเราสลับกันขึ้นไปนอน ใครจะกล้าบ้าทำขนาดนั้น แต่การทำลายความน่าเชื่อถือมักจะนำเรื่องเพศ ชู้สาว และเรื่องเงิน เพราะคนพร้อมเชื่ออยู่แล้ว ผมห่วงสภาพสังคมตอนนี้เพราะทุกฝ่ายมีสื่อเป็นของตัวเอง กลัวการก่อให้เกิดความเกลียดชังจนอาจเกิดปัญหาแบบรวันดา และยอมรับว่าทีวีแดงเองมีส่วนใช้คำหยาบคาย ดุดัน แต่ นปช.เป็นขบวนใหญ่การกำกับการดูแลจึงตามไม่ทัน และคงเป็นเรื่องยากที่จะให้นายกรัฐมนตรีกำหนดนโยบายเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับสังคมว่าจะไม่มีการเลือกปฏิบัติแบบสองมาตรฐานระหว่างคนไทยกับคนเสื้อแดง” นายวิภูแถลงกล่าว
นายวิภูแถลงยังขู่ด้วยว่า หากนายศิริโชคและนายชวนนท์ ยังไม่หยุดขยายประเด็นนี้อาจจะฟ้องดำเนินคดีในทางกฎหมาย จึงขอให้หยุดนำคลิปที่ไม่มีที่มาที่ไปเผยแพร่ออกอากาศผ่านทางบลูสกายได้แล้ว โดยเห็นว่าที่ตนโดนเล่นงานอาจเป็นเพราะระยะหลังได้วิจารณ์นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาฯ พรรคและตนเป็นผู้ดูแลพื้นที่ภาคใต้ให้พรรคเพื่อไทยด้วยจึงอาจตกเป็นเป้าโจมตี